คอร์สกระทัดรัดเที่ยวจบใน 3 ชั่วโมง : ทาโคะ เมืองแห่งดอกไฮเดรนเยีย

13,940

หลังจากที่เที่ยวเมืองนาริตะใกล้ๆ สนามบินไปแล้ว วันนี้มีมี่ขอพาทุกคนไปเที่ยวอีกเมืองที่อยู่ห่างไปไม่ไกล แถมน่าสนใจไม่แพ้กันบ้างดีกว่า เมืองนี้มีชื่อว่าเมืองทาโคะ (Takomachi) ค่ะ อยู่ห่างจากสนามบินนาริตะราวๆ 20 นาที ซึ่งแน่นอนว่าลำพังมีมี่คนเดียวคงมิอาจค้นพบสถานที่ลี้ลับแห่งนี้ได้ มีมี่มีคนพาไปค่ะ นั่นก็คือ Narita Transit Program ที่จะพาเราเที่ยวพร้อมไกด์ ไปยังสถานที่ต่างๆ รอบสนามบิน โดยใช้เวลาราวๆ 3 ชม เท่านั้น ที่สำคัญคือฟรีด้วยค่ะ! ใครสนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เชิญที่บทความนี้ คอร์สกระทัดรัดเที่ยวจบใน 3 ชั่วโมง : นาริตะ เมืองแสนอบอุ่นที่ไม่ได้มีแค่สนามบิน นะคะ 

picture_pc_62688601a37f8b5b599760e88f7b6336

Screen Shot 2016-06-23 at 1.50.07 PM

Narita Transit Program นี้มีให้เลือก 3 ทัวร์ก็คือ นาริตะซังชินโซจิที่มีมี่ไปมาเมื่อบทความที่แล้ว พิพิธภัณฑ์การบิน และเที่ยวธรรมชาติที่เมืองทาโคะ ไกด์ทัวร์บอกมีมี่ว่าเมืองทาโคะเนี่ยมีธรรมชาติที่สมบูรณ์และดอกไม้สวยๆ ให้ดู มีมี่ก็เลยเลือกไปดูดอกไม้ค่ะ พอเลือกได้แล้ว ไกด์ก็พามีมี่ขึ้นรถบัสจากสนามบินนาริตะ Terminal 2 ตรงไปที่เมืองทาโคะเลยค่ะ

picture_pc_62688601a37f8b5b599760e88f7b6336

เมืองทาโคะ เป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรราวๆ 10,000 คนเท่านั้นเอง ว่ากันว่านานมาแล้ว พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นทะเลสาบมาก่อน ทำให้สภาพดินของเมืองทาโคะในตอนนี้อุดมสมบูรณ์มากๆ เหมาะกับการเกษตรค่ะ

Screen Shot 2016-06-23 at 3.10.08 PM

ระหว่างสองข้างทางมีมี่เห็นทุ่งนาทุ่งข้าวเต็มไปหมดเลยค่ะ เลยสอบถามจากไกด์ได้ความว่าที่เมืองทาโคะเนี่ย ข้าวของเขาดังมากๆ เรียกว่าอร่อยระดับท็อปของประเทศเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากข้าวแล้ว ก็ยังมีของกินที่สดใหม่และอร่อยอื่นๆ อีก เช่นมันหวาน (Satsumaimo) หรือมันมือเสือ (Yamaimo) เป็นต้น

Screen Shot 2016-06-23 at 3.12.15 PM

นอกจากผลิตผลท้องถิ่นต่างๆ แล้ว ที่เมืองก็ยังมีชื่อเสียงจากทุ่งดอกไม้ที่สับเปลี่ยนกันไปในแต่ละฤดู อย่างช่วงมี.ค. - เม.ย. ที่ผ่านมานี้ก็เป็นดอกคาโนลา (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Na no Hana) ช่วงพ.ค. - ส.ค. ก็จะมีทุ่งนาเขียวขจี แต่ที่เด็ดที่สุดก็คงเป็นดอกไฮเดรนเยีย หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าดอก อะจิไซ (Ajisai) ที่มีให้ดูแค่ช่วงมิ.ย.เท่านั้นค่ะ แอบบอกนิดนึงว่านี่เป็นดอกไม้โปรดของมีมี่จากดอกไม้ทั้งหมดบนจักรวาลนี้ ทำให้มีมี่แอบตื่นเต้นเอามากๆ

IMG_5350

เรือแบบนี้เห็นแล้วนึกถึงเรือแม่น้ำเจ้าพระยาเลยค่ะ เพียงแค่เล็กกว่า และสะอาดกว่า เนื่องจากนั่งกันไม่กี่คนอะเนอะ เป็นเรือชมวิวสองข้างทางแม่น้ำ และที่สำคัญชมดอกไฮเดรนเยียที่ถูกปลูกไว้สองข้างแม่น้ำจนเต็ม ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ อากาศกำลังดีเหมาะแก่การนั่งเรือชมธรรมชาติมากๆ ค่ะ มีมี่เลยตัดสินใจขึ้นไปเลย 300 เยนค่ะ1

แน่นอนว่าเรือก็ต้องมีคนบังคับเนอะ วันนี้คนขับเรือที่มีมี่นั่งเป็นคุณตาหน้าตาดุๆ คนนึง แต่จริงๆ คุณตาใจดีม๊ากมากอะ คุณตาเล่าให้มีมี่ฟังเกี่ยวกับเรื่องเมืองเยอะมากๆ ค่ะ รวมถึงเรื่องแม่น้ำที่เรือของเรากำลังล่องอยู่ด้วย คุณตาบอกว่าแม่น้ำนี้ยาวถึง 33.4 กิโลเมตร และตัวแม่น้ำนี้แหละก็พัดพาเอาแร่ธาตุต่างๆ มาบำรุงดินเป็นสาเหตุที่ข้าวของเมืองทาโคะอร่อยขึ้นชื่อนั่นเอง

IMG_5360

นั่งเรือไปซักพัก มีมี่ก็ยังไม่เห็นไฮเดรนเยียเลยซักกะดอก ก็เลยสอบถามคุณตาดู สรุปว่า ยังไม่ถึงฤดูนะจ้ะ ดูพุ่มไม้ไปก่อน *ร้องไห้* เค้าบอกว่าถ้ามาช่วง Hydrangea Festival นะ ดอกไม้จะบานทุกดอกเป็นสีฟ้าอมม่วงตลอดสองข้างทาง สวยแบบหาคำมาเปรียบไม่ได้เลยค่ะ เทศกาลดอกไฮเดรนเยียของที่นี่ คือช่วงวันที่ 12 มิ.ย. เป็นต้นไปนะคะ ถ้ามาถูกช่วงเวลาตอนที่สวยที่สุด ก็จะพบเห็นดอกไฮเดรนเยียละลานตาดังภาพข้างล่างเลยล่ะ!

ì‰ˆ‚¢‚P Ž‡—z‰Ô‚P

‰®Œ`‘D

เรือเล็กๆ นี้ ไม่ได้มีไว้ให้นั่งอย่างเดียวนะคะ มีมี่สังเกตว่าเค้ามีโต๊ะด้วยเลยลองถามคุณตาดู ปรากฏว่าบางทีชาวเมืองเค้าจะเอาอาหาร เอาข้าวปั้นอะไรมานั่งกินกันบนเรือด้วยค่ะ ด้วยความว่าเป็นเมืองเล็กๆ เค้าก็จะอยู่กันแบบง่ายๆ อบอุ่นๆ แบบนี้แหละ กินกันไป คุยกันไป ดูดอกไม้ไปด้วย น่ารักมากๆ เลยเนอะ ใครสนใจอยากนั่งเรือ เรือมีให้นั่งเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เปิดให้บริการช่วง 9.00-17.00 น.นะคะ

IMG_5373

หลังจากลงจากเรือแล้ว ไกด์ก็ชักชวนมีมี่ไปดูสินค้าท้องถิ่นในตัวตึกหลัก ก็คือ

Hydrangea Hall หรือ Ajisankan นั่นเองค่ะ ด้านในจะมีสินค้าจากเมืองทาโคะมากมาย ทั้งข้าว ผักออร์แกนิค และผลไม้ต่างๆ รวมไปถึงข้าวกล่องหลากหลายชนิดที่ทั้งสดใหม่และน่ากินเอามากๆ เนื่องด้วยเค้าดังเรื่องข้าว ข้าวปั้นสามเหลี่ยมหรือโอนิกิริของเค้าก็จะเป็นที่นิยมมาก เพราะใช้ข้าวคุณภาพดีในการทำค่ะ

2

แน่นอนว่ามาถึงถิ่นแล้วจะไม่ซื้อกลับไปก็กะไรอยู่เนอะ มีมี่ก็เลยซื้อข้าวของเค้ากลับมาค่ะ เป็นแบบสูญญากาศอัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยม 300 กรัม 500 เยน พกพาง่าย เหมาะเป็นของฝากค่า

IMG_5376

← มีชามันหวานขายด้วย น่าสนใจมากอะ มีมี่สงสัยว่ามันจะรสชาติยังไงเนี่ย

อันนี้ก็เป็นอีกอันที่น่าลองค่ะ ไอศกรีมเจลาโต้รสข้าวเมืองทาโคะ ใครมีโอกาสได้ไปควรลองนะคะ สร้างความแปลกใหม่ให้ชีวิต ↓

IMG_5378

3

สตอเบอร์รี่สดๆ ลูกโตๆ ขนาดใกล้หมดฤดูแล้วยังมีให้กินอยู่ในราคาแพคละ 300 เยนเท่านั้นเองค่ะคุณ!!! ถูกมากและสดมากกกก

4

ก่อนที่ไกด์จะพามีมี่ไปที่ถัดไป มีมี่แอบเห็นมาสคอตของเมืองเค้า ชื่อว่า Fukkura Tamako ค่ะ เป็นมาสคอตรูปเม็ดข้าว ที่แบบเฮ้ยย อวบอั๋นน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ ใส่ผ้ากันเปื้อนด้วย สงสัยไกด์เห็นแววตาอันเป็นประกายของมีมี่ เลยถอดเข็มกลัดรูปมาสคอต Tamako ยกให้มีมี่ฟรีๆ เลยค่ะ น่ารักมากๆ ชาวเมืองทาโคะน่ารักและอัธยาศัยดีจริงๆค่ะ

หลังจากนั้น เราจะไปสู่ที่ต่อไปด้วยการเดินเท้าประมาณ 15 นาทีค่ะ ซึ่งระหว่างเดินไปนั้นก็จะมีทุ่งนาอยู่ตลอดสองข้างทาง เค้าพาเราเดินตัดไปตรงกลางเลยค่ะ ไกด์บอกว่าฝรั่งชอบกันมาก ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ กับต้นข้าวที่ประเทศเค้าไม่มี ส่วนคนไทยอย่างเราเหรอคะ เดินไปได้อารมณ์หวนรำลึกถึงบ้านเกิดม๊าก

IMG_5397

หลังจากซอกแซกไปมา ไต่ขึ้นเขาขึ้นเนินเล็กน้อย ก็มาถึงปลายทาง ก็คือวัดนิจิฮนจิ (Nichihonji) นั่นเองค่ะ แค่เข้ามาถึงเขตวัดมีมี่ก็สัมผัสได้ถึงความสงบ ด้วยต้นไม้ที่รายล้อมทำให้ลมเย็น อากาศสดชื่น ปลอดโปร่งมากๆ แถมยังเงียบจนได้ยินเสียงนกร้องเลย เหมาะกับการพักผ่อนสงบจิตใจ หนีจากความวุ่นวายในเมืองมากค่ะ

IMG_5403

วัดนิจิฮนจินั้น เป็นวัดของพุทธศาสนานิกายนิชิเร็งโชชู มีชื่อเต็มๆ ว่า นิชิเร็งชู ฮนซัน นิจิฮนจิ (Nichiren-shu Honzan Nichihon-ji) ซึ่งวัดนี้มีประวัติที่ยาวนานและน่าสนใจเอามากๆ วัดนิจิฮนจิถูกสร้างขึ้นในสมัยคามาคุระเมื่อ 800 ปีก่อน และ 400 ปีหลังจากการก่อตั้ง วัดนี้ก็ถูกใช้เป็นโรงเรียนสำหรับพระสงฆ์เพื่อศึกษาพระธรรม ภาษาญี่ปุ่นเรียกโรงเรียนพระสงฆ์แบบนี้ว่า ดันริน (檀林) พระสงฆ์ที่ดูแลวัดนี้ ท่านบอกกับมีมี่ว่าที่นี่เปรียบเสมือนโรงเรียนธรรมระดับสูง ถ้าเทียบกับการศึกษาในปัจจุบันก็เหมือนกับการเรียนปริญญาโทเลยค่ะ

นิจิฮนจินั้นเป็นโรงเรียนศึกษาธรรมอยู่เป็นระยะเวลากว่า 270 ปีก่อนจะปิดตัวลงไป ในช่วงเวลานั้น มีพระสงฆ์เดินทางมาที่นี่เพื่อศึกษาธรรมกว่าหนึ่งแสนคนเลยทีเดียว จนถึงตอนนี้ที่วัดก็ยังมีหอเก็บคัมภีร์ บทสวดและหนังสือพระธรรมต่างๆ เอาไว้เป็นอย่างดีค่ะ

IMG_5404

ในสมัยก่อนนั้น วัดนิจิฮนจิถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก ในยุคเอโดะเมื่อมีการวัดระยะทางจากตัวเมืองเอโดะออกไปยังบริเวณรอบๆ ในช่วงการสร้างถนนเอโดะ ทางการก็ใช้วัดนิจิฮนจินี้เป็นหลักที่สาม (基点標三里)หรือเป็นหมุดหลักเมืองเพื่อบอกระยะทาง อันที่ 3 นั่นเอง เรียกว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว

IMG_5405

นอกจากชื่อเสียงด้านการเป็นโรงเรียนศึกษาธรรมแล้ว นิจิฮนจินั้น ได้ชื่อว่าเป็นวัดดอกไฮเดรนเยีย เพราะมีดอกไฮเดรนเยียปลูกอยู่ถึง 140 ชนิด ตอนที่บานแล้วจะต้องสวยมากๆ เลยค่ะ เพราะขนาดมีมี่มาตอนยังไม่บาน ยังแอบรู้สึกถึงความขลัง และความสวย ที่นี่ไม่เหมือนสวนดอกไม้ที่อื่นเพราะมันเป็นธรรมชาติมากๆ พุ่มดอกไฮเดรนเยียภายใต้ร่มเงาของต้นไม้สูงและความสงบของวัด เป็นอะไรที่หาดูที่ไหนไม่ได้จริงๆ ค่ะ แถมถัดจากสวนดอกไฮเดรนเยียไปไม่ไกล มีสุสานเล็กๆ ตั้งอยู่ พระสงฆ์ผู้ดูแลวัดบอกมีมี่ว่า ที่นี่เป็นที่ฝังร่างของพระสงฆ์กว่า 400 รูปหลังจากมรณภาพ ซึ่งอาจจะฟังดูน่ากลัวแต่มีมี่กลับรู้สึกว่าเหมาะสมแล้ว เพราะที่นี่สงบมากๆ เป็นการคืนสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง

IMG_5420

คนที่มาคอยแนะนำและพาเราชมวัดในวันนี้เป็นพระสงฆ์ผู้หญิงท่านหนึ่ง มีมี่ไม่รู้จะเรียกท่านว่าแม่ชีดีไหม แต่มีมี่ว่าไม่ใช่ เพราะท่านแต่งตัวและปฏิบัติเหมือนพระสงฆ์ทุกประการเลยค่ะ (อันนี้มีมี่ขออภัยในความไม่แม่นของข้อมูล) ซึ่งแม้แต่คนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็บอกว่าไม่ใช่จะเจอพระสงฆ์ที่เป็นผู้หญิงแบบนี้กันได้ทุกวัน ท่านเป็นคนน่ารักและใจเย็นมากๆ เลย

IMG_5410 IMG_5411

มีมี่บอกท่านไปว่ามีมี่ชอบดอกไฮเดรนเยียมาก ท่านก็เลยพามีมี่ไปดูดอกไม้ในกระถางเล็กๆ ที่ใครไม่ได้ตั้งใจอาจจะมองข้ามไป ท่านบอกว่าเป็นดอกไฮเดรนเยียพิเศษที่มีที่นี่เท่านั้น เรียกว่า “Mou Haru Ajisai” คำว่า Mou Haru นั้นแปลว่าถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะว่าเป็นดอกไฮเดรนเยียที่บานตั้งแต่เดือนก.พ. ในช่วงหน้าหนาว ทั้งที่ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิแท้ๆ กลับบานซะก่อน เลยตั้งชื่อแบบนี้ค่ะ สวยมากๆ ดีใจที่ได้เห็นเป็นบุญตาสุดๆ 5

นอกจากตัวอาคารหลักของวัดที่เคยเป็นโรงเรียน แล้วที่นี่ก็มีศาลเจ้าหรืออาคารเล็กๆ อยู่เยอะแยะเลยค่ะ มีมี่เดินอ้อมไปทางด้านหลัง ก็เจอศาลเจ้าจิ้งจอกคู่ คือมีศาลเจ้า 2 ศาล สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งคนที่มาขอพรจากเทพเจ้าจิ้งจอก หากสมหวังแล้วก็จะซื้อตุ๊กตาหรือของรูปจิ้งจอกมาวางถวาย อย่างที่เห็นนี่เลยค่ะ

6

Screen Shot 2016-06-23 at 3.38.52 PM

ด้านหน้า ข้างๆ ตัววัดหลักก็มีหอระฆังอยู่ด้วย พระท่านใจดีให้มีมี่ลองตีระฆังดูได้ด้วย ข้างๆ หอระฆังนั้นมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเล็กๆ อยู่ค่ะ ท่านบอกกับมีมี่ว่าให้เราเอาน้ำราดรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมตรงจุดของร่างกายที่เรามีอาการบาดเจ็บหรือปวดเมื่อย แล้วเอาฟองน้ำมาขัดตรงจุดนั้นให้สะอาด เราก็จะหายจากอาการปวดค่ะ

IMG_5447 IMG_5451

เพราะเคยเป็นโรงเรียนมาก่อน ด้านในจึงสร้างไว้เป็นอาคารสองชั้น เพื่อจุคนให้ได้มากที่สุด และทำผนังเกือบทุกด้าน เป็นประตูและหน้าต่าง เพื่อให้เสียงคำอธิบายสามารถไปได้ทั่วถึง และอากาศถ่ายเทได้ดี ของที่โชว์อยู่ภายในนั้นอายุเก่าแก่หลายร้อยปีเลยค่ะ แต่เราสามารถดูใกล้ๆ ได้โดยไม่มีกระจกหรือตู้กั้นใดๆ เรียกว่าหาดูแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ เลย หนึ่งในของสำคัญที่ถูกใส่ไว้ในตู้นั้นคือพระพุทธรูปของพระสงฆ์องค์สนิทของพระนิชิเร็งซึ่งเป็นศาสดาของนิกายนิชิเร็งโชชู ว่ากันว่าพระนิชิเร็งเป็นคนลงมือแกะสลักบางส่วนของรูปปั้นนี้เอง เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งนั่นหมายความว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีอายุกว่าร้อยปีแล้วค่ะ แต่ทางวัดเก็บรักษาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นแล้วที่นี่ยังมีพระคัมภีร์ และโงะฮนซน (สิ่งสักการบูชาของศาสนาพุทธนิกายนิชิเร็งโชชู) ที่พระสงฆ์ที่เคยมาศึกษาธรรมที่นี่เขียน เก็บเอาไว้ด้วยค่ะ คัมภีร์บางเล่มนั้นถูกเขียนบนแผ่นไม้สไลด์บาง (สมัยนั้นยังไม่มีกระดาษ) และเขียนไว้เป็นภาษาสันสกฤตอีกด้วย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมานี้ ไม่ได้อยู่ในตู้อย่างดี เหมือนพิพิธภัณฑ์แต่อย่างใด ทั้งหมดวางอยู่บนโต๊ะในวัดนั่นแหละค่ะ ยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้เท่าไหร่ก็ได้ขอแค่อย่าจับ คือทางวัดเค้ายังคงไว้ซึ่งบรรยากาศเหมือนตอนที่พระสงฆ์ยังศึกษาธรรมอยู่ที่นี่ มีตารางเรียนแขวน มีคำสอนบนฝาผนัง มาอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปสมัยโบราณเลยค่ะ

7

สำหรับใครที่ไม่อยากเข้าไปด้านใน ก็สามารถสักการะจากด้านนอกได้ค่ะ เพราะเค้ามีกระถางธูป และที่ขายเครื่องราง ของที่ระลึก อยู่ตรงหน้าทางเข้าเลย ที่นี่เค้ามีธูปพิเศษของเค้าเองราคา 100 เยน เป็นธูปสีดำ แต่พอจุดแล้ว ธูปจะไหม้กลายเป็นสีขาวสนิท และมีรอยตัวหนังสือสลักโผล่ขึ้นมา เขียนว่า ‘นัมเมียวโฮเร็งเกเคียว’ เป็นคำเริ่มบทสวดของนิกายนิชิเร็ง เหมือนนะโมตัสสะที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง สวยและขลังมากๆ ค่ะ

IMG_5453 IMG_5463

หลังจากเดินจนทั่ววัดแล้วก็ได้เวลากลับสนามบินกันแล้วค่ะ ใช้เวลาไปทั้งหมดราวๆ 3 ชั่วโมงอีกเช่นเคย แต่ใน 3 ชั่วโมงนี้ ได้เรียนรู้ทั้งประวัติศาสตร์ของเมืองและของวัด มีมี่คิดว่าใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก แถมชาวเมืองยังน่ารักและใจดีแบบสุดๆ ใครอยากลองไปเมืองเล็กๆ ต่างจังหวัดของญี่ปุ่น แนะนำให้ไปที่นี่เลยนะคะ ได้เห็นความเป็นอยู่ของเค้าอย่างแท้จริง และได้สัมผัสถึงเสน่ห์ของเมืองเล็กๆ ที่ต่างกับเมืองแบบโตเกียวอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียวค่ะ

picture_pc_62688601a37f8b5b599760e88f7b6336

ใครสนใจสามารถไปติดต่อที่เคาท์เตอร์ Narita Transit Program ได้เลยนะคะ เวลาไปติดต่ออย่าลืมบอกเค้าว่าได้ข้อมูลมาจากเจแปนลิสต์นะคะ เค้ามีของที่ระลึกให้เป็นปากกาหมึกแบบลบได้ พิมพ์ชื่อโปรแกรม Narita Transit Program อยากซื้อก็หาซื้อไม่ได้นะเออ!

IMG_0244

picture_pc_62688601a37f8b5b599760e88f7b6336

สำหรับคนที่สนใจอยากเดินทางไปด้วยตัวเอง รถบัสไปเมืองทาโคะมีหลายรอบอยู่เหมือนกันนะคะ สำหรับคนที่ไปทัวร์จะได้ขึ้นรอบ 10.40 น. ถึงRoadside Station (ที่นั่งเรือชมแม่น้ำ) เมืองทาโคะ 11.07 น. ขากลับออก 13.09 น. ถึงสนามบิน 13.41 น. ค่ะ ค่ารถบัสเที่ยวละ 300 เยน แต่ใครที่เวลาไม่ตรง แต่ยังอยากลองไปดู ตารางรถบัสตามเว็บนี้เลยค่ะ (https://www.town.tako.chiba.jp/news_php/img/airportshuttle.pdf) เป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงมีมี่แปลไว้ให้แล้วค่ะ ตามนี้เลยน้า ^^

รถบัสขาไป

Screen Shot 2016-05-30 at 14.26.59

รสบัสขากลับ

Screen Shot 2016-05-30 at 14.30.06

ปิดท้ายด้วยพิกัดของสถานที่ต่างๆ ที่มีมี่ไปมาในวันนี้ค่ะ จะได้ตามรอยกันง่ายๆ

Roadside Station Tako Hydrangea Hall (ที่นั่งเรือชมแม่น้ำ) 35.731470, 140.475335

Nichihonji (วัดนิจิฮนจิ) 35.740214, 140.487734


นอกจากนี้ Narita Transit Program ยังมีอีกหลายเส้นทางให้เลือกเที่ยว ดูได้จาก http://www.narita-transit-program.jp/  โดยมีมี่เลือกคอร์สอื่นๆที่น่าสนใจมาให้ดูในนี้ 3 คอร์ส  3 เมืองค่ะ

คอร์สเที่ยวเมือง Shibayama Town

ŽÅŽRƒrƒ…ƒbƒtƒF‚Q  ŽÅŽR’¬ŽlŠ_ŽÐ

เส้นทางนี้เด่นที่การได้สัมผัสประสบการณ์อาหารแบบญี่ปุ่นแท้ๆในสไตล์โฮมเมดค่ะ โดยเส้นทางนี้จะพาไปที่ ร้าน Fu-Wa-Ri ที่มีอาหารกว่า 30 เมนูญี่ปุ่นแท้ๆให้ได้ลิ้มรสกันจนพุงกาง โดยพืชผักที่นำมาประกอบอาหารเป็นผลิตผลของเมืองตามฤดูกาล และในฤดูกาลเก็บสตอเบอรี่ ก็สามารถใช้เวลาส่วนหนึ่งไปทัวร์เก็บสตอเบอรี่ได้เหมือนกันนะคะ แถมยังสามารถไปขอพรที่ศาลเจ้า Shiso อีกด้วย

line22คอร์สเที่ยวเมือง Sakae Town

ÉRÉXÉvÉå2015 (64) ÉRÉXÉvÉå2015 (35)

เส้นทางนี้จะพาคุณเที่ยวเมืองจำลองสมัยเอโดะที่ให้เราอินสุดๆไปพร้อมๆกันด้วยการจับนักท่องเที่ยวไปในชุดคอสเพลย์ไม่ว่าจะเป็น นินจา ซามูไร และชุดที่สาวเอโดะสมัยนั้นใส่กัน โดยใครที่มาเที่ยวชม หากหยิบใบปลิวมาจากเคาน์เตอร์ที่สนามบินนาริตะ ก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเช่าชุด แต่เสียเพียงแค่ค่าผ่านประตู 300 เยนเท่านั้น เรียกได้ว่า คอร์สนี้คอร์สเดียว ได้อัพรูปกันสนุกสมกับมาญี่ปุ่นแน่นอนค่ะ

line22คอร์สเที่ยวเมือง Kozaki Town

_è“¹‚̉w‚È‚ñ‚¶‚á‚à‚ñ -_-è-¬-_-è-_-Ð

เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรณ์ธรรมชาติ บ้านแบบโบราณที่มีเอกลักษณ์ยังคงมีอยู่ในเมืองแห่งนี้ อีกทั้งยังขึ้นชื่อในเรื่องของเหล้าสาเกและโชยุ ที่ผลิตในท้องถิ่นนี้มาตั้งแต่สมัยเอโดะ ถ้ามีเวลาสั้นๆระหว่างการรอเปลี่ยนเครื่องและมองหาของฝากแบบญี่ปุ่นแท้ๆล่ะก็ คอร์สนี้มีมี่แนะนำเลยค่ะ

Screen Shot 2016-06-23 at 1.50.07 PM

โดย มีมี่