หลายปีก่อนเราประทับใจงานศิลปะและสถาปัตยกรรมชั้นสูงของญี่ปุ่นที่ศาลเจ้า Toshogu แห่ง Nikko หลังจากนั้น เราก็มีโอกาสเดินทางไปยังศาลเจ้า Toshogu ในสวน Ueno อีกแห่ง ในภาพความทรงจำที่ยังคงแจ่มชัด เราค่อยๆ ก้าวไปตามทางเดินที่มุ่งไปยังศาลเจ้าจนสุดทาง พร้อมกับจ้องไปยังป้ายที่ปักอยู่หน้าศาลเจามีข้อความบอกเราว่า..........ปิดซ่อมจ้า T - T" ลองนึกภาพลุงป้าสองคนยืนสตั๊นอยู่หน้าศาลเจ้าที่เงียบงันในตอนโพล้เพล้.....มีอีกาบินผ่านส่งเสียงร้อง ก้า ก้า....ทำลายความเงียบอยู่บนฟ้า
เป็นที่รู้กันว่าการบูรณะโบราณสถานของญี่ปุ่นนั้นกินเวลายาวนาน อย่างต่ำๆ ต้องมี 5 ปีขึ้น บางที่ซ่อมกันจนลืมเป็น 10 ปีก็มี ทำให้เราต้องเช็คข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนว่าศาลเจ้า Toshogu แห่ง Ueno ซ่อมเสร็จแล้วแน่ๆ หลังจากเช็คข้อมูลกันจนแน่ใจ เราก็เฝ้านับวันเวลานาทีเพื่อจะเข้าไปชมความงามของศาลเจ้าแห่งนี้ และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่เรามายืนอยู่ตรงหน้าประตูศาลเจ้า Toshogu ชั้นนอกอีกครั้ง เหมือนย้อนกลับไปในเหตุการณ์เดิมแบบ Groundhog Day แต่คราวนี้เราเดินไปตามทางเดินที่ลาดปูด้วยกระเบื้องหินอย่างมั่นใจ ผ่านโคมไฟหินขนาดต่างที่ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทาง
ก่อนจะไปถึงด้านหน้าศาลเจ้า Toshogu ชั้นใน เราหยุดดูเจดีย์ไม้ห้าชั้นแห่งวัด Kaneiji วัดที่มีเคยพื้นที่กว้างใหญ่มาก คือจริงๆ แล้วพื้นที่วัดคือพื้นที่ของสวน Ueno ทั้งหมดในปัจจุบันนั่นแหละ ผลพวงของสงคราม Boshin ช่วงยุคปฏิรูป Meiji ก็เปลี่ยนจากเขตอภัยทานให้เป็นสนามรบได้ไม่ยาก ปัจจุบันมีสถาปัตยกรรมโบราณสามสี่แห่งที่เหลือรอดมาได้ อย่างวัด Kiyomizu Kannon-do กับวัด Bentendo ที่อยู่ในไกลออกไปครึ่งกิโล (ในสวน Uenoนี่แหละ) เจดีย์ห้าชั้นแห่งนี้และศาลเจ้า Toshogu ชั้นในที่อยู่ไกลออกไปไม่กี่สิบเมตร
วัตถุประสงค์ในการสร้างศาลเจ้า Toshogu ที่ Ueno ก็เหมือนกับศาลเจ้า Toshogu ทั่วประเทศที่สร้างชึ้นเพื่อการบูชาและระลึกถึง Tokugawa Ieyasu (1542 - 1616) ต้นตระกูลแห่งโชกุน Tokugawa ที่สืบทอดตำแหน่งกันมายาวนานกว่า 300 ปีก่อนจะมีการโค่นล้มการปกครองระบบโชกุน ในสงคราม Boshin สงครามกลางเมืองที่นำโดยซามูไรหัวก้าวหน้าอย่าง Sakamoto Ryoma เพื่อถวายพระราชอำนาจคืนให้แก่สมเด็จพระจักรพรรดิ Meiji ในยุคปฏิรูป Meiji
เราเดินมาหยุดที่ประตู Karamon ประตูทางเข้าศาลเจ้าชั้นในที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมจีนซึ่งประดับประดาไปด้วยรูปสลักมังกร สิงห์และนกที่อาบด้วยสีสันสดใสและตัดด้วยความอร่ามของสีเหลืองทองซึ่งทำจากทองคำเปลวที่ค่อยๆ บรรจงปิดทับเข้าไปตามส่วนต่างๆ
ว่ากันว่าประตู Karamon เป็นฝีมือของ Hidari Jingoro ช่างสลักไม้ฝีมือเอกที่ได้ฝากฝีมือแกะสลักไว้ในงานบางส่วนที่ศาลเจ้า Toshogu แห่ง Nikko ด้วย ปัจจุบัน ประตู Karamon ปิดไม่ให้คนผ่านเดินผ่านเข้าไปได้ หากจะเข้าไปที่ศาลา Honden ของศาลเจ้าชั้นในต้องเดินไปเข้าจากประตูเล็กทางด้านข้างเท่านั้น
ศาลเจ้า Toshogu ที่ Ueno สร้างขึ้นในปีค.ศ.1627 โดย Todo Takatora ภายหลังได้รับการบูรณะสร้างศาลา Honden เพิ่มเติมในปีค.ศ. 1651 โดย Tokugawa Iemitsu ผู้ที่เป็นหลานชายของ Ieyasu และเป็นโชกุนคนที่สามของตระกูล ศาลา Honden มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมเป็นของยุค Edo แท้ๆ ถึงจะผ่านกาลเวลามากว่าสามร้อยปี ผ่านสงครามมาหลายยุคสมัยไม่ว่าสงครามภายในหรือสงครามโลก หรือแม้แต่แผ่นดินไหวหรือไฟใหม้ใหญ่ใน Tokyo ศาลเจ้าแห่งนี้ก็รอดพ้นมาได้ทุกครั้ง ที่เห็นในปัจจุบันเป็นศาลเจ้าที่มีอายุเก่าแก่แม้จะพึ่งผ่านการบูรณะให้มีสภาพที่งดงามสมบูรณ์แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นศาลเจ้าดั้งเดิมที่ตั้งอยู่ที่นี่มานาหลายศตวรรษและที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นด้วย
สำหรับเราคราวนี้ถือว่าฟินๆๆ ได้มาเห็นสิ่งที่อยากเห็นถึงจะต้องรอมานาน 5 ปี แต่ทุกๆ ย่างก้าว ทุกๆ วินาทีที่ใช้ไปกับศาลเจ้า Toshogu ในสวน Ueno แห่งนี้ถือได้ว่าคุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าชม ศาลเจ้าเปิดทุกวันตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงครึ่ง ในเดือนมีนาคมถึงกันยายนขยายเวลาเปิดถึงห้าโมงครึ่งในตอนเย็น ศาลเจ้าชั้นนอกไม่มีค่าเข้าชมส่วนศาลเจ้าชั้นในที่เป็นที่ตั้งของ Honden มีค่าเข้าชม 500 เยน ส่วนการเดินทางถ้าเริ่มต้นที่สถานี Ueno ให้เดินออกจากสถานีตรงทางออก Ueno station park แล้วเดินเข้าสวน Ueno ไป ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จะถึงทางเข้าศาลเจ้า Toshogu แห่ง Ueno ครับ