ใครชอบกินซูชิเป็นชีวิตจิตใจ มาเที่ยวญี่ปุ่นทั้งที่ก็อยากกินซูชิที่ดี คุณภาพเยี่ยม แบบที่ชาวญี่ปุ่นเขากินกันจริงๆ ใช่ไหมล่ะคะ แต่หากใครเคยได้ลองมาแล้วก็น่าจะพอทราบกันว่า ซูชิร้านดังๆ เนี่ยเขาจองยาก จองเย็นกันมากๆ ไม่รับจองทางเว็บมั่งล่ะ ไม่รับชาวต่างชาติบ้างล่ะ ยิ่งดัง ยิ่งกินยาก จองยากสุดๆ ต้องรอกันเป็นเดือนๆ แล้วยังงี้ทำยังไงถึงจะได้กินเนี่ย วันนี้นัทเอาร้านที่จองไม่ยาก ไม่ต้องล่วงหน้านานก็ได้กินมาแนะนำให้รู้จักกัน แถมโลเคชั่นยังดีมากด้วยนะ นั่นก็คือร้าน Sushi-en ที่กินซ่านั่นเองค่ะ
Omakase (お任せ) แปลตรงๆ เลยจะแปลว่าฝากทำให้ หรือฝากให้ดูแล ดังนั้น Sushi Omakase นั้น จึงเป็นการรับประทานซูชิแบบเป็นคอร์ส โดยให้เชฟผู้เป็นคนปรุง ดูแลเมนูและตัวเลือกทั้งหมดให้ พูดกันง่ายๆ ก็คือการกินแบบเชฟจัดให้ทั้งหมดเลยนั่นเอง ส่วนใหญ่แล้ว คอร์ส Omakase จะเป็นคอร์สราคาค่อนข้างสูง เพราะเชฟจะเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด สดที่สุด และคุณภาพเยี่ยมที่สุดที่ทางร้านมีในวันนั้น ใครที่ชอบปลาดิบทุกรูปแบบ ไม่ค่อยเลือกกิน จะรับประทานได้โดยไม่มีปัญหา แต่หากใครเป็นคนมีแนวทางชัดเจนว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร และอะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่กิน ก็อาจจะไม่ค่อยถูกใจกับวิธีกินแบบนี้เท่าไหร่นะคะ เพราะเราเลือกไม่ได้นั่นเอง
Sushi-en เป็นร้านซูชิที่ต้องถือได้ว่าหน้าใหม่พอสมควร เพราะเพิ่งเปิดเมื่อเดือนธ.ค.ของปี 2015 แต่เนื่องจากเชฟเจ้าของร้านเป็นเชฟผู้มีประสบการณ์การทำซูชิมาหลายปีจนเชี่ยวชาญ ทำให้ในเวลาเพียง 2 ปีร้านก็สามารถเข้ามาอยู่ใน Top 5000 ร้านอาหารจากทั้งประเทศญี่ปุ่นได้แบบเงียบๆ ค่อยๆ เขยิบขึ้นมาจากการบอกต่อกันแบบปากต่อปากนั่นเองค่ะ
Sushi-en ตั้งอยู่ในซอกเล็กๆ ที่ชั้นใต้ดินของตึกในย่านกินซ่า ทั้งร้านนั่งได้แค่ 41 คน เสิร์ฟแต่ Omakase Course แบบเน้นๆ ไม่ขายอย่างอื่นเลย เรียกว่าเน้นคุณภาพ ทำทีละน้อย และทำวันละนิดจริงๆ ค่ะ สำหรับร้านนี้ต้องจองถึงจะเข้ามากินได้ ไม่จองเขาไม่ให้เข้านะคะ โดยคอร์ส Omakase ที่ทางร้านมีให้จองนั้น มีเพียงคอร์ส 12,000 เยน เพียงคอร์สเดียวเท่านั้น ราคาค่อนข้างสูงสำหรับมาตราฐานไทย แต่ถือว่าปกติสำหรับ Omakase ที่ญี่ปุ่นค่ะ
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงวิธีจองกัน เราไปดูร้านและอาหารกันก่อนเลยดีกว่าค่ะ
ร้านอยู่ที่ชั้นใต้ดินจึงอาจหายากไปซักนิด แต่ป้ายร้านมีตัวภาษาอังกฤษนะคะ (แม้จะเล็กมาก็เถอะ) เมื่อหาร้านเจอแล้วก็เดินลงไป แล้วก็แจ้งชื่อและเวลาที่จองไว้ได้เลยค่ะ
*สำหรับร้าน Sushi-en นั้น มีแต่คอร์ส Omakase เท่านั้น จึงไม่รับ Walk-in นะคะ ต้องจองมาล่วงหน้าค่ะ*
แม้ร้านจะเล็ก แต่ตบแต่งร้านแบบมินิมอล เน้นแสงสีนวลและการใช้ไม้สีอ่อน ทำให้ร้านดูโปร่งสบายมากเลยค่ะ เมื่อมาถึงที่โต๊ะแล้ว ก็จะมีเมนูเครื่องดื่มวางอยู่ (มีภาษาอังกฤษทุกหน้า ไม่ต้องห่วงค่ะ) ไม่มีเมนูอาหารนะคะ เพราะเราจองเป็น Omakase มาแล้ว หลังจากสั่งน้ำแล้ว ก็นั่งรอไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่ต้องทำอะไร เดี๋ยวเชฟก็จะมายืนหน้าเรา แล้วเริ่มทำเองค่า
ด้านหน้าเราจะมีถาดวางซูชิ และขิงให้ทานเป็นกับแกล้มวางรอเอาไว้ สำหรับร้านนี้ จะไม่มีการจิ้มโชยุใดๆ นะคะ เพราะเขาจะคลุกซอสมากับข้าวแล้ว เชฟวางปุ้บหยิบเข้าปากได้เลยค่ะ และแน่นอนว่าที่นี่เป็น Omakase ดังนั้นเขาจึงเสิร์ฟทีละคำ แล้วเชฟก็จะค่อยๆ ทำไปทีละคำค่ะ เราไปดูคำแรกที่มากันเลยดีกว่าค่ะ
คำแรกเป็น Chutoro ค่า เนื้อละเอียดเว่อร์มาก ละลายในปากสุดๆ แค่คำแรกก็ประทับใจมากๆ แล้ว ส่วนตัวนัทเป็นคนไม่ชอบกินวาซาบิเลยค่ะ แต่วาซาบิสดๆ ของร้านซูชิคุณภาพดีๆ นี่มันช่างแตกต่างเอามากๆ ไม่คาว ไม่ขม รสชาติอ่อน แต่กลิ่นหอมค่ะ
หลังจากนี้ก็มีซูชิเรียงกันมาอีกเป็นตับ แต่เนื่องจากนัทไม่ใช่ขาประจำร้านซูชิ พูดง่ายๆ ว่ากินไม่เป็นนั่นเอง จึงไม่สามารถบอกได้ว่าแต่ละอันคือปลาอะไรบ้าง เชฟเขาก็พยายามจะบอกให้ฟัง แต่มันมาเยอะจนจำไม่ไหวจริงๆ ค่ะ นัทจะเขียนเท่าที่จำได้ ต้องขออภัยด้วยนะคะ เอาเป็นว่าเราไปชมภาพกัน ตามลำดับที่เชฟเสิร์ฟให้นะคะ
สำหรับจานนี้ไม่ใช่ซูชิ แต่ออกแนว appertizer นิดๆ ค่ะ ตัวผักที่หน้าตาเหมือนผักกาดจิ๋วนั้น ที่จริงแล้วคือส่วนนึงของต้นวาซาบิ!? นัทกินเข้าไปทั้งที่ไม่รู้ ปรากฏว่าอร่อย ไม่ขม ไม่เผ็ด ไม่แสบ มีแต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของวาซาบิค่ะ สำหรับจานนี้ มีอาหารหลากรสชาติให้กินตัดรสกันไปมา ทั้ง Mentaiko ครีมชีสเผา และ หน่อไม้มิโสะค่ะ
ระหว่างเคี้ยวคำเก่า เชฟก็เริ่มทำคำใหม่แล้วค่ะ! กินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องหยุด กินให้หนำใจกันไปเลย
กุ้งนี้เป็นกุ้งธรรมดาไม่ใช่กุ้งหวาน แต่เป็นกุ้งที่สุดยอดคุณภาพมาก สีสวย เนื้อแน่น กรุบๆ กรอบๆ เนื้อเด้งเว่อร์ ฟินสุดๆ ค่ะ
หลังจากซูชิชิ้นนี้เราก็ตัดภาพมากินอย่างอื่นกันบ้าง นั่นก็คือชาบูปลานั่นเองค่ะ
สำหรับอันนี้ เชฟเขากำชับวิธีกินมาเลยว่า ต้องต้มอะไรตอนไหนบ้าง มีบอกด้วยว่าต้องใส่ผักให้หมด รอน้ำเดือด แล้วต้องเอาปลาลงไปสะบัดกี่ที เรียกว่าละเอียดมากๆ ไม่เคยมาก่อนในชีวิตที่จะกินอะไรแล้วต้องมีคนกำกับขนาดนี้ แต่อร่อยมากค่ะ ทุกอย่างสด ดี คือเป็นการปรุงแบบน้อยแต่ได้มาก เพราะวัตถุดิบคุณภาพดีจริงๆ ค่ะ
ระหว่างที่รอน้ำชาบูเดือดอยู่ เชฟเอาข้าวชามเล็กๆ ราดด้วยไข่ปลาแซลมอนมาให้กิน อยากจะบอกว่าเป็นไข่ปลาแซลมอนที่อร่อยที่สุดที่เคยกินมาในชีวิต มันดึ๋งๆ หนึบๆ แล้วก็ไม่เค็มเว่อร์ รสชาติกลมกล่อมกำลังดี มีความหวานแทรกมานิดๆ สัมผัสได้ถึงความสด ฟินมากกกกกก
ต่อไป คำนี้เป็นอะไรที่ประหลาดมาก เพราะเชฟบอกให้แบมือมา แล้วเฮียแกก็เอาวางบนมือให้ค่ะ หน้าตาประหลาด แต่นุ่มนิ่ม หยึยๆ อร่อยดีค่ะ
อันนี้ให้เดาคงจะเป็น Otoro (หลังๆ เชฟแกเลิกบอกไปแล้วค่ะว่ามันคืออะไร คงเห็นว่าลูกค้าคงไม่เข้าใจ555) เนื้อมันเนียนละเอียด นุ่มมมเว่อร์มากกกกกกกก เข้าปากปุ้บแทบจะละลายหายไปเลย น้ำตาจะไหล ฟินสุดค่ะ
อันนี้เป็นผักอะไรไม่รู้ตากแห้งค่ะ ไม่ใช่ปลานะคะ รสหวานนิดๆ ทานง่าย อันนี้เชฟให้สาหร่ายมาด้วย ต้องเอาสาหร่ายห่อก่อนค่อยกินนะคะ
มาถึงเมนูไข่หวานแล้ว พี่คนที่มาด้วยกันบอกว่าถ้าถึงไข่หวานแปลว่าจะจบแล้วค่ะ ณ จุดนี้ นัทใกล้จะไม่ไหวแล้วค่ะ พุงจะแตก ได้ยินยังงี้ก็ดีใจนะ กินอย่างสุขใจ ไข่หวานก็ตีเนื้อมาเนียนมาก เป็นเนื้อเดียวกันประหนึ่งกำลังกินเต้าหู้ เปิดประสบการณ์ใหม่มากๆ หลังจากกินหมด 2 อย่างแล้ว ก็นึกว่าจะได้พักพุง เปล่าเลยค่ะ ยังไม่จบ!
จบซูชิชิ้นสุดท้ายที่มากุโร่เนื้อเงางาม วาวจะแทบจะเป็นกระจก อร่อยไร้ที่ติเหมือนเดิมค่ะ
จบคอร์ส Omakase ที่ซุปมิโสะกับหอย และสตอเบอร์รี่หวานๆ ตบท้ายแก้เลี่ยนค่ะ
สำหรับคอร์สวันนี้ราคาประมาณ 12,000 เยน ได้ซูชิ 10 คำ มากิ 1 ชิ้น appetizer 1 จาน (5 คำเล็ก) ชาบูปลา 1 ชุด ข้าวหน้าไข่แซลมอนชามมินิ 1 ชาม ไข่หวาน 1 ชิ้น ซุปมิโสะกับหอย 1 ชาม และสตอเบอร์รี่อีก 1 ชิ้น สำหรับนัทคิดว่าคุ้มราคามากนะ เพราะซูชิคุณภาพดีจริงๆ ปลาสดมาก ขนาดนัทเป็นคนไม่ค่อยชอบซูชิยังรู้สึกฟิน สัมผัสได้ถึงความสามารถในการหั่นปลาที่เป๊ะ เด๊ะ ชิ้นสวย และความสามารถในการปั้นข้าวที่สุดยอดมากของเชฟ ขนาดที่ว่าคลุกซอสมาแล้วยังไม่แตก ไม่เละ คงสภาพได้ดีมาก กินแล้วรู้สึกคุ้มเงิน ดีใจที่ได้มาจริงๆ ค่ะ
สำหรับใครที่สนใจจะไปร้าน Sushi-en นี้ จำเป็นจะต้องจองล่วงหน้า สามารถจองผ่านอินเตอร์เน็ตได้ที่เว็บนี้เลยค่ะ เว็บเป็นภาษาญี่ปุ่นจึงต้องกด Translate เว็บก่อนจอง อาจทำให้กระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่อย่างน้อยจองผ่านเว็บได้ก็ยังดีเนอะ ^^
โลเคชั่นร้าน: Sushi-en
ติดตามอัพเดทเรื่องเครื่องสำอาง รวมทั้งเรื่องราวสนุกๆ ของการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นของนัทได้ที่เพจ Natsu's Nikki นะคะ^^
![]() |
รวมพิกัด 3 ร้านดัง สำหรับคนรักแบรนด์เนมมือสอง @โตเกียว by JapanKookKook!!
Tokyo | view 368,055 |
![]() |
อยากซื้อของเซลล์ลดกระหน่ำที่ญี่ปุ่น ต้องไปช่วงไหน?
Tokyo | view 239,326 |
![]() |
15 สิ่งที่ต้องซื้อในซุปเปอร์มาเก็ตที่ญี่ปุ่น (ภาค2)
Tokyo | view 170,480 |
![]() |
Onitsuka Tiger ร้านใหญ่ มีทุกไซส์ ทุกสี ที่ Omotesando Hill
Tokyo | view 158,358 |
![]() |
จะซื้อรองเท้าผ้าใบต้องมาที่นี่ รวม 5 ร้านรองเท้าเด็ดๆ ที่ชิบูย่า
Tokyo | view 129,777 |