นานมาแล้ว ยังมีเรื่องราวของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่แสดงความซื่อสัตย์จงรักภักดี ที่พร้อมจะสละทุกสิ่งแม้แต่ชีวิตเพื่ออุทิศให้กับการแก้แค้นแทนนายเหนือหัวที่จากไปด้วยความคดของศัตรู เมื่อเวลาได้พ้นผ่านจึงกลายเป็นเรื่องเล่าขาน เป็นตำนานอีกบทหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น.... ตำนานแห่ง 47 โรนิน
เราเดินทางมาที่วัด Sengakuji เพราะตำนานที่ว่า วัดนี้มีความเกี่ยวข้องกับ 47 โรนินอย่างไร แน่นอนว่าเกี่ยวข้องและมีความสำคัญมากๆ เพราะที่นี่คือที่พำนักสุดท้ายของเหล่าโรนินทั้ง 47 คน วัด Sengakuji นับเป็นจุดหมายแรกที่เราเลือกจะเข้าไปเยือนในการเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่แล้ว วัดเล็กๆแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Shinagawa ต้นกำเนิดของวัด Sengakuji เกิดจากโชกุน Tokugawa Ieyasu มีดำริให้สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1612 ซึ่งในตอนแรก วัดตั้งอยู่ในเขต Chiyoda แต่ก็ต้องย้ายหนีไฟไหม้ใหญ่ใน Edo ในปี ค.ศ. 1641และหลังจากนั้น Tokugawa Iemitsu หลานชายของ Ieyasu ก็มีบัญชาสร้างวัด Sengakuji บนที่ตั้งปัจจุบัน
เมื่อเราเดินมาถึงด้านหน้าวัด สิ่งที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่ามาไม่ผิดที่แน่ๆ คืออนุสาวรีย์ของท่าน Oishi Yoshio (หรือที่รู้จักกันแพร่หลายในนาม Oishi Kuranosuke) หัวหน้าของเหล่าโรนิน - ซามูไรไร้สังกัดแห่งแคว้น Ako ที่ตั้งอยู่เคียงกับประตูทางเข้าของวัด Sengakuji
เมื่อเดินลอดซุ้มประตูเข้ามาภายในวัด เราจะพบกระถางธูปใบใหญ่และศาลาไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เบื้องหน้า
ที่ด้านข้างของศาลาเป็นที่ตั้งของรูปปั้นหลวงพ่อ Kodo Sawaki พระสงฆ์รูปสำคัญที่ธุดงค์ไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและในหลายๆ ประเทศทั่วโลก ท่านจึงมีสมญานามว่า พระอาจารย์ผู้ไร้หลักแหล่ง
เนื่องจากที่นี่เป็นวัดที่มีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อเดินออกจากลานด้านหน้าศาลาไม้ไม่กี่ก้าว จะมีทางเดินนำไปยังบริเวณสุสานของเหล่า 47 โรนิน แต่ก่อนจะถึงสุสาน เราจะพบบ่อน้ำเล็กๆ ที่ไม่นับว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อะไร แต่ทว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ 47 โรนิน เพราะว่าบ่อน้ำแห่งนี้ใช้เป็นที่ล้างศีรษะของ Kira Yoshinaka ที่ถูกบั่นออกมาจากคอ เพื่อเซ่นสังเวยดวงวิญญาณของไดเมียว Asano Naganori เจ้านายของโรนินทั้ง 47 คน
และเมื่อเดินผ่านบริเวณนี้ไปก็เป็นซุ้มประตูสุสานของเหล่า 47 โรนิน มูลเหตุที่ทำให้เกิดการฆ่าล้างแค้น เกิดจากการกระทบกระทั่งระหว่างท่าน Asano Naganori และ Kira Yoshinaka ราวปีค.ศ. 1701 ท่าน Asano ได้รับมอบหมายให้เตรียมการต้อนรับผู้แทนองค์พระจักรพรรดิขณะที่ตัวท่าน Asano ไม่คุ้นเคยกับพิธีกรรมในราชสำนักจึงขอคำแนะนำจาก Kira ขุนนางที่ดูแลเรื่องพิธีกรรมของโชกุน Tokugawa Tsunayoshi รุ่นเหลนของ Ieyasu แต่จากการพูดจากันไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้ทั้งสองบาดหมางกัน โดยฝ่าย Kira นั้น นอกจากใช้คำยั่วยุถากถาง Asano แล้วยังเรียกเงินสินบนอีกด้วยว่าถ้าอยากจะให้ Kira เป็นที่ปรึกษาด้านพิธีกรรมให้ก็ต้องมีค่าน้ำร้อนน้ำชาให้กันหน่อย ท้ายที่สุดท่าน Asano อดรนทนไม่ไหว จึงชักดาบออกมาหมายจะสังหาร Kira ให้มันสิ้นเรื่อง แต่ทว่าท่านไดเมียว Asano กลับล้มเหลว และภายในปราสาท Edo ในสมัยนั้นเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้มีการชักอาวุธฆ่าแกงกันทำให้ Tokugawa Tsunayoshi มีคำสั่งให้ท่าน Asano กระทำการ Sepuku คว้านท้องอย่างสมเกียรติเพื่อชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป โดยที่ฝ่าย Kira ผู้ใจคดกลับมิได้ต้องโทษใดๆ
เมื่อไร้ซึ่งนายและตระกูลของ Asano ถูกบีบให้พ้นจากวงอำนาจ เหล่าซามูไรแห่งแคว้น Ako จึงกลายเป็นโรนินหรือซามูไรไร้สังกัดโดยปริยาย แต่นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นแห่งการล้างแค้นอันสาสม Oishi Kuranosuke หัวหน้าผู้ก่อการได้ใช้เวลากว่าหนึ่งปีครึ่งเพื่อรวบรวมกำลังและวางแผนสังหาร Kira อย่างลับๆ ในที่สุดวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1702 กลุ่ม 47 โรนินก็สามารถลักลอบเข้าไปในจวนของ Kira และจรดคมดาบตัดคอชำระแค้นและนำศีรษะของศัตรูไปเซ่นสังเวยแด่ดวงวิญญาณของไดเมียว Asano แม้ว่าตำนานแห่ง Ako จะเป็นเรื่องที่เล่าขานสืบทอดกันมาเป็นร้อยๆปี แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเข้มขนของเรื่องลดลง จนยุคปัจจุบันได้มีการนำเค้าโครงประวัติศาสตร์ไปสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่นแฟนตาซีที่สนุกมากเรื่องหนึ่งคือ "47 Ronin" ซึ่งนำแสดงโดย Keany Reeves ในปี 2013
หลังจากเหตุการณ์ลอบสังหาร Kira ในคราวนั้น โชกุน Tokugawa Tsunayoshi ได้อนุญาตให้ 47 โรนินกระทำการ Sepuku ได้อย่างสมเกียรติตามวิถีแห่งบูชิโดและหลุมศพของพวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้ตั้งอยู่เคียงข้างหลุมศพของไดเมียว Asano และภริยา - เจ้านายอันเป็นที่รักในสุสานแห่งเดียวกันและในวันที่ 14 ธันวาคมของทุกปี ทางวัดยังจัดพิธีรำลึกให้กับ 47 โรนิน ณ สุสานแห่งนี้อีกด้วย
สำหรับท่านที่สนใจ สามารถนั่งรถไฟใต้ดินสาย Toei Asakusa ลงที่สถานี Sengakuji แล้วเดินต่ออีกไม่ไกล หรือจะขึ้นรถไฟสาย Yamanote แล้วลงที่สถานี Shinagawa หรือ Tamachi แล้วเดินต่ออีก 15 -20 นาที วัดและสุสานเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น แต่ถ้าจะเข้าพิพิธภัณฑ์ Akogishi ต้องเสียเงินเพิ่มท่านละ 500 เยนและพิพิธภัณฑ์เปิดตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสี่โมงครึ่งตอนเย็น