- ระยะเวลาเที่ยว : 1 วันเต็ม (เริ่มตั้งแต่ 8.00 น. จากสถานี Shinjuku)
- ระยะห่างจากโตเกียว : 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะขับรถหรือนั่งรถไฟ
- จำนวนสถานที่ท่องเที่ยว : วัด 3 แห่ง ศาลเจ้า 1 แห่ง โซนช็อปปิ้งและร้านอาหาร 1 แห่ง ชายหาด 1 แห่ง
- เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ยกเว้นวัดเจ้าแม่กวนอิมที่แรกที่จะไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ
Kamakura เป็นเมืองเก่าซึ่งเคยเป็นฐานที่มั่นของตระกูล Minamoto จนถึง Hojo ตั้งแต่ Minamo no Yoritomoto สถาปนาเป็นเมืองหลวงของรัฐบาล Kamakura ในศตวรรษที่ 12 เมืองนี้จึงมีวัดและสถาปัตยกรรมเก่าให้ชมหลายแห่ง และด้วยความที่ใกล้โตเกียว แถมยังเป็นแหล่งวัฒนธรรม เราเลยอาจจะเจอ ‘ทัวร์ลง’ จำนวนมหาศาลในทุกจุดเช็กอินสำคัญ Kamakura โดยเฉพาะทัวร์ทัศนศึกษาของบรรดาเด็กมัธยมญี่ปุ่น เรียกว่าไปวัดใดศาลเจ้าไหนก็ต้องเจอกลุ่มน้องนักเรียนมัธยมพร้อมเสียงโหวกเหวก สมุดจด และคุณครูคอยตะโกนคุมเด็กๆ
เราจะเริ่มด้วยวัด Ofuna Kannon Temple ที่ Ofuna เป็นเจ้าแม่กวนอิมครึ่งองค์ ประดิษฐานอยู่บนเนิน ต้องเดินขึ้นเนินเพื่อไปสักการะ เหนื่อยพอประมาณ (หรือนี่อาจเป็นวิธีหนึ่งในการพิสูจน์แรงศรัทธา) เริ่มก่อสร้างเมื่อปีค.ศ. 1934 โดยกลุ่มโซโต (Soto) จากนิกายเซ็น และหยุดชะงักไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาปีค.ศ. 1954 สมาคม Ofana Kannon Society ก็มารับช่วงโครงการต่อ จนแล้วเสร็จคือในอีก 6 ปีต่อมา
ค่าตั๋วเข้าศาลเจ้าอยู่ที่ 300 เยน (เด็ก 100 เยน ) ภายในองค์กวนอิมมีพิพิธภัณฑ์และศาลเจ้าเล็กๆ (รวมในค่าตั๋วแล้ว) ใช้เวลาสักการะประมาณ 30 นาที มีขายเครื่องรางและรูปปั้นเล็กๆ เป็นที่ระลึกด้วยโลเคชั่นของวัดไม่ได้อยู่ในดงหมู่มวลวัดและศาลเจ้าหลักใน Kamkura จึงทำให้วัดนี้ไม่ได้ป็อปปูลาร์มากนัก ปราศจากทัวร์ใดๆ บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับการสักการะแสวงบุญที่แท้จริง
การเดินทาง :
1.หากมาจากโตเกียว ขึ้นรถไฟสาย Shonan-Shinjuku Line (สายสีแดง) for Odawara มาลงที่สถานี Ofuna (ใช้เวลา 50 นาที) ค่าใช้จ่าย 940 เยน
2.หากมาจากในโยโกฮาม่า สามารถนั่งได้ทั้ง JR Shonan-Shinjuku Line for Odawara (สายสีแดง) /JR Tokaido Line for Odawara (สีส้ม)/ JR Negishi Line for Ofuna (สีฟ้า) และ JR yokosuka line for Kurihama (สายสีน้ำเงิน) มาลงที่สถานี Ofuna (ใช้เวลา 23 นาที) ค่าใช้จ่าย 310 เยน
เดินออกจากสถานีด้วยทางออก West exit แล้วเดินเลียบสะพานเพื่อข้ามถนนไป Lawson’s เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในตรอกข้าง Lawson’s เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง (บังคับเลี้ยวทางเดียว) และเดินตรงต่อจนเห็นทางแยก ให้เดินขึ้นทางแยกด้านขวาตามธงสีแดง ขึ้นเนินไปเรื่อยๆจะถึงทางเข้าใหญ่ของวัด ทั้งหมดนี้เป็นระยะเดิน 350 เมตร ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
**ถ้ามาจากโยโกฮาม่าแนะนำนั่งสายสีส้มจะดีที่สุดเพราะคนจะน้อยหน่อย ในขณะที่สายอื่นมีคนมาก โดนเฉพาะเวลา rush hour ตอนเช้า
**มีห้าง Lumine ติดกับสถานี และถ้ามาถึงแต่เช้าตอนที่ห้างยังไม่เปิดก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีเซ็ตอาหารเช้าที่ร้าน Becker’s และยังมีร้านสะดวกซื้อของ JR เองอย่างร้าน NewDays ดักอยู่ 2 สาขา ไม่ต้องกลัวว่าจะหิ้วท้องไส้กิ่วแน่นอน
ต่อจุดที่ 2 ด้วย Zeniarai Benzaiten Ugafuku Shrine หรือนิกเนม ‘วัดล้างเงิน’ ที่คนไทยชอบเรียกกัน อันที่จริงแล้วเป็นศาลเจ้าผสมผสานพุทธ-ชินโตที่ยังเหลือรอดมาจากนโยบายแบ่งแยกศาสนาในสมัยเมจิศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง Kamakura เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางปีนเขา Daibutsu Hiking Course ตั้งขึ้นมาในปีค.ศ. 1185 โดยโชกุน Minamoto no Yoritomo เพื่ออุทิศต่อ Benzaiten เทพเจ้าแห่งดนตรี ความร่ำรวย และ Ugafukujin เทพแห่งงู
Zeniarai แปลว่า ล้างเงิน ล้างเหรียญ เล่าลือกันว่า เงินที่ถูกนำมาล้างจะงอกเงยเป็น 2 เท่า ที่นี่เลยฮิตมากในหมู่นักลงทุนและคนทำธุรกิจ ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำธุรกิจใหญ่โตจริงจังอะไร แต่เราก็พลาดไม่ได้
จุดเทียนแล้ววางที่จุดวางเทียน
เมื่อเข้าไปในศาลเจ้า จะมีขายเซ็ตบูชา ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็ก 3 เล่ม ตะกร้าสานใบเล็ก 1 ใบ ขั้นตอนคือ
1.ใส่เงินลงในตะกร้า ส่วนมากมักใส่เหรียญ เพราะกลัวแบงค์จะเปียก แต่เราใส่แบงค์เลย ค่อยเช็ดเอาทีหลัง พกแบงค์ไทยมาด้วย จริงจัง ซีเรียส
2.จุดเทียนเล่มแรก แล้ววางไว้จุดวางเทียนนอกถ้ำ
3.พอเข้าไปในถ้ำให้จุดเทียนอีกเล่ม วางไว้จุดวางเทียน
4.อธิษฐานแล้วให้น้ำไหลผ่านตะกร้า
5.วางเทียนเล่มสุดท้ายไว้ที่ศาลเจ้า Shichifuku-jinja ใกล้ๆ กัน
ศาลเจ้านี้ไม่มีค่าตั๋วเข้าชมแต่อย่างใด เปิดทุกวัน เวลา 8.00-16.30 ช่วงพีคของปีคือฤดูใบไม้ผลิตามความเชื่อว่าเงินทองจะเพิ่มเป็น 2 เท่าในฤดูนี้
การเดินทาง (ตั้งต้นจาก Ofuna Kannon) :
1.นั่งรถเมล์สาย 50 for Kikyuyama จากวัด Ofuna ที่ป้าย Ofuna Eki (เดินจากวัด 550เมตร) ไปลงที่สถานี Genjiyama Iriguchi (10 ป้าย ใช้เวลา 14 นาที รถเมล์มาทุกครึ่งชั่วโมง) แล้วเดินต่ออีก 650 เมตร ค่าใช้จ่าย 280 เยน
2.นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Kamakura และเดินต่ออีก 1.3 กิโลเมตร โดยกลับไปขึ้นรถไฟ JR Yokosuka for Kurihama (สายสีฟ้า) ที่สถานีรถไฟ Ofuna ลงที่สถานีรถไฟ Kamakura ใช้เวลา 6 นาที เดินต่ออีก 1.3 กิโลเมตร รวมแล้วประมาณ 40 นาที ค่าใช้จ่าย 160 เยน
เราเลือกเดินทางวิธีนี้เพราะจะแวะกินซอฟต์ครีมที่สถานี Kamakura เป็นซอฟต์ครีมชาเขียวจากร้าน Kamakura Chacha มีให้เลือก 3 ระดับความเข้มข้น ส่วนไอศกรีมมีรสชาเขียวธรรมดาและโฮจิฉะ เสิร์ฟแบบถ้วยและโคน ราคา 500 เยน
โซนสถานีมีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายขนม เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Starbucks , Tully Coffee, ไอศกรีมโฟรเซ่น Pelatas และร้านขายของที่ระลึก ของแต่งบ้านจำนวนมาก ยิ่งถนน Komachi-dori จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนตามร้านรวงต่างๆ เรียกว่าบริเวณสถานีนี่ก็ใช้เวลากิน-ช็อปเป็นชั่วโมงได้เลย
ถนนไปวัดล้างเงิน
เราจะมาต่อที่วัดแห่งที่ 3 บริเวณสถานี Kamakura คือศาลเจ้า Tsurugaoka-Hachiman-Gu เป็นศาลเจ้าชินโต สร้างโดยตระกูลเจ้าเดิมประจำถิ่น Minamoto Yoriyoshi แต่ย้ายสถานที่และขยายให้ใหญ่โดย Minamoto Yoritomo โชกุนคนแรกของช่วงรัฐบาล Kamakura สร้างขึ้นเพื่ออุทิศต่อเทพ Hachiman เทพเจ้าแห่งการสู้รบและซามูไรประจำตระกูล
ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ในระยะเดิน 750 เมตร เดินตรงมาตามถนน Komachi-dori ก็จะถึงเลย จุดสังเกตคือเสาโทริอิสีแดง ส่วนนี้คือ Main Hall มีพิพิธภัณฑ์ประจำศาลเจ้าอยู่บริเวณเดียวกัน จัดแสดงดาบ หน้ากาก และเอกสารสำคัญในบริเวณศาลเจ้ายังมีสระน้ำ 2 สระ แห่งหนึ่งเป็นสระประจำตระกูล Minamoto มี 3 เกาะเล็กภายในสระน้ำ อีกแห่งคือสระของตระกูล Taira คู่แค้นตลอดกาลของ Minamoto มีเกาะ 4 เกาะ ซึ่งคำว่า 4 (ชิ) ในภาษาญี่ปุ่นพ้องเสียงกับคำว่าตาย
นอกจากนี้ยังมีสวนดอกโบตั๋น บานในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนาว ค่าเข้าชมสวน 500 เยนช่วงแนะนำสำหรับการเข้าชมศาลเจ้าคือ เดือนมีนาคม-เมษายน เพราะดอกซากุระจะบานสวยงามบริเวณรอบศาลเจ้า และในเดือนเมษายน, กันยายนจะมีจัดเทศกาลโชว์ขี่ม้ายิงธนูส่วนช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงคือช่วงขึ้นปีใหม่ (ยกเว้นอยากจะมาขอพรประจำปีจริงๆ เราก็จะไม่ขัดแรงศรัทธา) เพราะจะแน่นขนัดไปด้วยคนที่ดาหน้ามาขอพรสักการะศาลเจ้ากว่า 2 ล้านคน เรียกว่าน้องๆ Meiji Jingu Shrine ที่โตเกียว
ต่อมาที่ไฮไลต์ของทริป เอกลักษณ์ของเมือง Kamakura วัดใหญ่ไดบุตสึ หรือ Kotoku-in Temple พระพุทธรูปบรอนซ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น (เป็นรองแค่วัดโทไดจิที่นารา) สูง 114 เมตร สร้างขึ้นในปีค.ศ.1252 ประดิษฐานอยู่ภายในตัวอาคาร แต่ปัจจุบันเราจะไม่เห็นตัวอาคารนั้นแล้วเพราะถูกไต้ฝุ่นและสึนามิทำลายตัวอาคารลงไป เลยกลายเป็นพระพุทธรูปกลางแจ้งอย่างที่เราเห็น
ค่าเข้าชม 300 เยน เวลาทำการคือ 8.00-17.30 และปิด 16.30 ในช่วงฤดูหนาว ใช้เวลาเที่ยวชมวัดประมาณ 30 นาที
การเดินทาง :
1.นั่งรถไฟ Enoden Railway Line ลงที่สถานี Hase ค่าโดยสาร 200 เยน
2.นั่งรถเมล์จากสถานี Kamakura ลงป้าย Daibutsumae ค่าโดยสาร 200 เยน
ปิดท้ายด้วยวัด Hasedera Temple (Kamakura) วัดพี่น้องกับวัด Hasedera Temple ที่นารา โดยเดินจากวัดใหญ่ไปอีก 550 เมตร จุดเด่นของวัดคือพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ 11 เศียร (Statue of eleven-headed Kannon) สูง 9.18 เมตร เป็นพระพุทธรูปไม้ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ตามตำนานเล่าว่าไม้ที่ใช้แกะสลักพระพุทธรูปเป็นต้นเดียวกับวัด Hasedera ที่นารา โดยไม้ซุงนี้ลอยตามน้ำและมาเกยอยู่ที่ชายหาดใกล้เมือง Kamakura
และเนื่องจากวัดมีกฎไม่ให้ถ่ายรูปพระพุทธรูป เราจึงไม่มีรูปพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ 11 เศียรมาให้ดู แนะนำไปยลโฉมด้วยตาเนื้อขอตนเองจะดีที่สุด เพราะสวยงามตระการตาจริงๆ
สวนญี่ปุ่นภายในวัด
วิวจาก Hasedera Temple
ภายในบริเวณวัดยังมีสระดอกบัว สวนญี่ปุ่น พิพิธภัณฑ์เล็กๆ หอระฆัง และถ้ำ Benzaiten ที่เชื่อมต่อกับอุโมงค์ใต้ดิน มีพระพุทธรูปจิโซ (Jizo) องค์เล็กๆ นับร้อยๆ องค์ แต่ที่เป็นไฮไลต์เลยคือจุดชมวิวด้านตะวันออกของวัด สามารถมองเห็นชายหาดและเมือง Kamakura ช่วงเวลาแนะนำคือช่วงเย็น แดดร่มลมตก พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ขอบฟ้าตัดกับทิวทัศน์เมือง สวยมากค่ะ
*ในเดือนมิถุนายนของทุกปี วัดจะจัดเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย คนค่อนข้างหนาแน่น แต่ดอกไม้จะบานสวย คุ้มค่ากับการมาเยี่ยมชมค่ะ ดอกไฮเดรนเยียมักจะบานช่วงกลางเดือนหลังฝนตก เช็กตารางในแต่ละปีก่อนเดินทางไปนะคะ
การเดินทาง :
1.หากเดินทางมาจากโตเกียว นั่งรถไฟสาย Shonan- Shinjuku มาลงที่สถานี Kamakura แล้วต่อรถไฟสาย Enoden ลงสถานี Hase เดินต่ออีก 450 เมตร ค่าใช้จ่ายรวม 1,140 เยน
2.หากเดินทางมาจากสถานี Kamakura สามารถนั่งรถไฟสาย Enoden (ค่าโดยสาร 200 เยน) หรือนั่งรถเมล์สาย 2,4,6,9 ค่าโดยสาร 180 เยน ลงป้าย Hasekannon และเดินต่ออีก 350 เมตร
ถ้าบางท่านยังมีเวลาและฟ้ายังไม่มืด เราแนะนำให้ลองเดินไปชมชายหาด Kamakura ระยะเดิน 1.3 กิโลเมตร อากาศช่วงเย็นไม่ร้อนมาก หาดทรายเป็นสีขาว และท้องทะเลอาจไม่สวยจับใจเท่าทะเลเมืองไทย แต่ไหนๆ ก็มาถึงถิ่นญี่ปุ่นแล้ว ก็ลองสัมผัสชายหาดญี่ปุ่นก็ไม่เสียหาย ขากลับเดินกลับมาขึ้นรถไฟสาย Enoden ที่สถานี Hase
การเดินทางกลับจาก Kamakura
1.หากจะกลับไปโตเกียวจากวัด Hasedera หรือ Kotoku-in ให้นั่งรถไฟสาย Enoden ที่สถานี Hase ไปลงที่สถานี Kamakura และต่อรถไฟสาย Shonan-Shinjuku Line ลงที่สถานี Shinjuku
2.หากจะกลับไป Yokohama จากวัด Hasedera หรือ Kotoku-in นั่งรถไฟสายเดียวกันลงที่สถานี Kamakura แล้วต่อรถไฟสาย Yokosuka หรือ Shonan-Shinjuku ลงที่สถานี Yokohama
รถไฟสาย Enoden