สวัสดีชาวโลก เมื่อนานมาแล้วเท่าที่ยังพอระลึกได้เราได้พาท่านไปท่องเที่ยวตะลุยไปตามพื้นที่ต่างๆใน Odaiba ที่บทความนี้ เกาะเทียมที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของชาวญี่ปุ่น แต่ครั้งนั้นมันแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สองสามปีผ่านมาเราได้เวลากลับไปที่นั่นใหม่เพื่อเก็บจิ๊กซอว์ส่วนที่เหลือที่เรายังไม่ได้ไปเยือน ถ้าพร้อมกันแร้ว ตามกันมาเร้ยยย........!!!!!
เมื่อลงจากรถไฟไร้คนขับ Yurikamome โซนแรกที่เราอยากพาเที่ยว Odaiba ในภาค 2 นี้คือโซน Big Sight อันประกอบไปด้วย Tokyo Big Sight ศูนย์การประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติรูปร่างประหลาดแต่ก็มีเอกลักษณ์เป็นที่สุด ที่นี่จะมีงานจัดแสดงตลอดทั้งปีแต่ที่เป็น event ใหญ่ๆประจำปีเห็นจะเป็น Tokyo International Anime Fair และ Tokyo Motor Show นี่แหละ การเดินทางมายังโซน Big Sight ให้นั่ง Yurikamome มาลงที่สถานี Tokyo Big Sight Station แล้วเดินต่อจากสถานีไปตาม skywalk ได้เลย
นอกจากศูนย์การประชุมที่มีสถาปัตยกรรมอันประหลาดแล้ว เดินย้อนออกมาทางฝั่งตรงข้ามก็ยังมี Panasonic Center ซึ่งอยู่ห่างออกมา 300 เมตรเห้นจะได้ ที่นี่เป็นโชว์รูมล้ำๆที่แสดงนวัตกรรมประประดิษฐกรรมล่าสุดของ Panasonic อันประกอบไปด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป ทีวี คอมพิวเตอร์ เกมส์คอนโซลอย่าง Nintendo และเครื่องใช้ในบ้านอีกมากมาย
ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ของ Panasonic เท่านั้น บนชั้นสามของ Panasonic Center ยังเป็นที่ตั้งของ RiSuPia พิพิธภัณฑ์ทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่แฝงอยู่ในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเรา เป็นที่ๆเหมาะสำหรับการเรียนรู้แบบเล่นสนุกของเด็กๆอย่างมาก
ย้อนเข้ามาในโซน Palette Town กันบ้าง โซนนี้สามารถนั่ง Yurikamome กลับเข้ามาลงที่สถานี Aomi แล้วลงเดินจะพบว่ามีที่น่าสนใจให้เที่ยวอยู่สามจุด จุดแรกหากจะช็อปปิ้งจับจ่ายให้จุใจที่นั่นมีชื่อว่า Venus Fort สวรรค์ของนักช็อปเพราะเต็มไปด้วยร้านค้านับร้อยร้านไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าแฟชั่น คาเฟ่ ร้านอาหาร นอกจากนี้ยังพอมี outlets ของแบรนด์ต่างๆให้ช็อปกันจนกระเป๋าฉีกอีกด้วย
แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบช็อป ให้ข้าม Venus Fort ไปในทันทีแล้วจงเดินเข้าไปที่ Toyota Mega Web ในทิศทางตรงกันข้าม ที่นี่เป็นโชว์รูมขนาดยักษ์ที่จัดแสดงรถรุ่นใหม่ล่าสุด รวมไปถึงอุปกรณ์ตกแต่ง TRD ETC และเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับรถยนตร์ในอนาคต โซนที่น่าสนใจมีโซนเกมส์ขับรถ คล้ายๆเกมส์ arcade คือมีที่นั่ง มีพวงมาลัยเบรคคันเร่งเหมือนรถจริงๆและมีวิวที่เรามองมาจากจอ LCD หรือโรงภาพยนตร์ที่จำลองภาพเสมือนจริงอย่าง Mega Theater และพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงรถยนตร์รุ่นต่างๆของ Toyota ที่เคยผลิตจำหน่ายสู่ตลาดโลก
ตื่นตาตื่นใจกับ Mega Web แล้วโผล่หน้าออกมาเราจะเจอกับชิงช้าสวรรค์อันใหญ่มาก ไอ้เจ้าชิงช้านี้มีชื่อเรียกว่าเต็มยศว่า Daikanransha มีความสูงถึง 115 เมตรเชียว ถ้าจะขึ้นไปดูวิวสูงๆนี่ต้องมีค่าใช้จ่าย 1000 เยนต่อหัวและขึ้นไปแต่ละรอบจะกินเวลาราว 15 นาที
ถัดมาจากโซน Palette Town เราก็เดินข้ามาอยู่ที่หน้าห้าง Diver City Tokyo Plaza แต่ว่าเราเคยพามาที่นี่ครั้งนึงแล้วนี่ คราวนี้พามาไมอี๊ก......(เสียงสูง) ใช่ เราเคยพาท่านๆแวะมาดูที่นี่แล้วแต่วันนี้ตอนนี้ทุกอย่างมันเปี้ยนไป๊ เพราะสมัย 3-4 ปีก่อน ที่นี่เป็นจุดที่ตั้งของ Mobile suit Gundam RG 1/1 RX-78-2 Ver. GFT ชือยาวจัง แต่กาลเวลาเปลี่ยนหุ่นก็ต้องเปลี่ยน กันดั้มตัวเก่าถูกยกถอดประกอบไปแสดงที่เมืองไหนจำไม่ได้แล้ว แทนที่ด้วย Mobile suit RX-0 Unicorn Gundam หรือเรียกกันสั้นๆว่า Unicorn Gundam ที่ขาวกว่า เนียนกว่า สดกว่า ตอนแรกเราก็งงว่าทำไม Unicorn Gundam ถึงมีสองเขาเพราะตามจริงแล้ว Unicorn ต้องมีเขาเดียวสิ จริงๆแล้วที่เห็นอยู่ตรงหน้าเป็นร่างแปลงที่ power up ขึ้นมา ถ้าได้ดูการแสดงแปลงร่างของ Unicorn Gundam แล้วจะเห็นว่ามันเจ๋งกว่าตัวเดิมที่แค่หันหัวไปมามีไฟกระพริบวิบๆที่ตา เพราะนอกจาก Unicorn Gundam จะสามารถแยกเขาจากเขาเดียวโดดๆมาเป็นสองเขารูปตัว V แล้วชุดเกราะส่วนต่างๆยังสามารถขยับได้ไม่ว่าจะเป็นที่ไหล่ แขน ขา หน้าอกและหน้าท้อง เมื่อเกราะส่วนต่างๆเคลื่อนตัว เราจะเห็นไฟแดงระเรื่อที่ค่อยๆเปล่งแสงออกมาตามช่องที่เปิดขึ้นตามตัวของ Unicorn พอแปลงร่างเสร็จก็หมายความว่าการ power up ได้เสร็จสมบูรณ์ เขียนมาถึงขนาดนี้ถ้ามันยังไม่น่าทึ่งพอขอแนะนำให้ไปดูคลิปใน youtube ลองใช้คำว่า Unicorn Gundam transforms ก็น่าจะหาคลิปมาดูได้ไม่ยาก
ก่อนจากลาเกาะสวาทหาดสวรรค์ ลองชวนคนที่ไปด้วย (ที่ไม่ใช่เพื่อน......ฮา.....) มาปิดทริปกันแบบโรแมนติกๆ สวยๆ แถวๆ ชายหาดบนเกาะ Odaiba ที่เป็นจุดชมวิวสะพาน Rainbow Bridge และกรุง Tokyo ยามเย็นและค่ำที่สวยที่สุดจุดหนึ่ง ซึ้งขนาดนี้ถ้ามีอะไรจะสารภาพก็สารภาพกันซะ สารภาพรักน่าจะเหมาะกว่าสารภาพบาปนะจ๊ะ บรรยากาศแบบนี้........ฮี๊ววว...........^ _ ^