เมืองมรดกโลก Nikko แห่งจังหวัด Tochigi ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาค Kanto เมืองเล็กๆที่มีประชากรราวแปดหมื่นคนหรือมีคนแค่ 58 คนในหนึ่งตารางกิโลเมตร ดูเป็นเมืองสงบและประชากรเบาบาง แต่ถ้าว่ากันตามจริงแล้วคนคงไม่ได้น้อยขนาดนั้นเพราะมีนักท่องเที่ยวแห่มากันเกือบตลอดทั้งปี มีคำติดปากคนญี่ปุ่นที่ถอดเป็นภาษาอังกฤษว่า "Never say 'kekko' until you've seen Nikko" โดย Kekko มีความหมายว่า "งดงาม" ซึ่งสะท้อนถึงความงดงามของเมือง Nikko หรือแม้แต่คำขวัญอย่างเป็นทางการว่า Nikko Is Nippon ก็ไม่ได้เกินเลย
การเดินทางไป Nikko จะมีสองเส้นทางให้เลือกเส้นทางแรกคือ Tobu - Nikko (สายนี้ได้เปรียบตรงที่ไม่ต้องต่อรถให้ยุ่งยาก นั่งจาก Tokyo แล้วหลับไปเลยอีกสองชั่วโมงค่อยเจอกัน) สามารถขึ้นรถได้ที่สถานี Asakusa ภายในอาคาร Ekimise โดยเราสามารถซื้อตั๋วแบบ All Nikko Pass เพื่อโดยสารรถไฟและเมื่อไปถึง Nikko แล้วเรายังสามารถใช้ตั๋วนี้ขึ้นรถทั้งหมดที่เป็นบริการของ Tobu ไม่ว่าจะเป็นรถบัสธรรมดาหรือ Loop Bus ที่วิ่งไปยังจุดหมายต่างๆไม่ว่าจะเป็นอุทยานแห่งชาติหรือวัดและศาลเจ้าแห่ง Nikko ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สำหรับ All Nikko Pass ใช้ได้ 4 วัน ราคาคนละ 4520 เยน ถือว่าเป็นตั๋วเดินทางสุดคุ้มอีกใบหนึ่ง
ส่วนอีกเส้นทางคือใช้ JR Pass ขึ้น Shinkansen จากสถานี Tokyo ไปต่อรถไฟหวานเย็น wide view ที่สถานี Utsunomiya ไปลงที่สถานี JR Nikko ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อเสียงก้องโลกอย่าง Frank Lloyd Wright สายนี้หลับได้ไม่เยอะนักเพราะต้องเปลี่ยนรถไฟกลางทาง แต่ทัศนียภาพสองข้างทางทั้งภูเขา แม่น้ำ ทุ่งนา ป่าไม้ สุดติ่งกว่าเส้น Tobu จริงๆ (ระหว่างเปลี่ยนรถไฟจะแวะซื้อสุดยอดเกี๊ยวซ่าของ Utsunomiya กินรองท้องก็ได้)
เมื่อมาถึง Nikko แล้วจุดหมายปลายทางที่เราจะมุ่งตรงไปนั่นคือบริเวณที่เรียกวันว่าวัดวาและศาลเจ้าแห่ง Nikko จะขึ้น World Heritage Bus ประมาณ 10 นาทีหรือจะเดินไปตามถนน Nihon Romantic Highway (เค้าชื่อนี้จริงๆนะ ไม่รู้ว่าทำไม) ที่พาดกลางตัวเมือง Nikko นี่ก็ราว 2 กิโลหรือครึ่งชั่วโมง เอาที่สบายใจครับ ขึ้นรถเร็วกว่า แต่ถ้าเดินจะไม่พลาดบรรยากาศร้านรวงบ้านช่องผู้คนข้างทาง
เมื่อเข้าเขต World Heritage Site เดินไปตามถนน Omotesando อีกนิดเดียวก็จะถึงจุดหมายแรก นั่นคือวัด Rinno-ji ซึ่งถือว่าเป็นวัดที่สำคัญที่สุดใน Nikko ที่ก่อตั้งโดยท่า Shodo Shoni ผู้ซึ่งนำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ที่ Nikko ราวคริสตศตวรรที่ 8 โดยที่วัดมีศาลาไม้หลังใหญ่อยู่หนึ่งหลังนั่นคือศาลา Sanbutsudo ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมไม้เก่าแก่หลายปางไม่ว่าจะเป็นเจ้าแม่กวนอิมพันมือ เจ้าแม่กวนอิมที่มีพระเศียรเป็นม้า เป็นที่น่าเสียดายว่าศาลาใหญ่แห่งนี้ยังอยู่ในระหว่างการบูรณะและจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ราวเดือนมีนาคมปี 2019 แต่ระหว่างที่ซ่อมแซมตัวอาคาร ภายในก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่ แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น โดยมีค่าเข้าชม 400 เยน และเพิ่มอีก 300 เยนเมื่อต้องการเข้าชมสวน Shoyoen ภายในวัด
ออกจากวัดเดินตามถนน Omotesando เช่นเดิมก็จะเริ่มเข้าเขตศาลเจ้า Toshogu ก่อนจะถึงศาลเจ้าขะมีแยกเล็กๆทางขวามือนำเราไปสู่ Nikko Toshogu Museum ซึ่งเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2015 เพื่อเป็นการระลึกถึงการครบรอบ 400 ปีแห่งการอสัญกรรมของ Tokugawa Ieyasu โชกุนคนแรกแห่งตระกูล Tokugawa ภายในจัดแสดงวัตถุโบราณที่ประเมินค่าไม่ได้หลายชิ้นไม่ว่าจะเป็นชุดเกราะ มีดดาบ อาวุธ อุปกรณ์เครื่องเขียนและจดหมายหลายฉบับที่ Ieyasu เป็นผู้เขียน
และสถานที่ที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของ Nikko นั่นคือ ศาลเจ้า Toshogu แห่งเมือง Nikko ไม่ว่าจะมีศาลเจ้า Toshogu กระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่นทั้งที่ Tokyo หรือที่อื่นๆแต่ไม่มีศาลเจ้า Toshogu แห่งไหนที่มีความงดงามอลังการทางศิลปะและสถาปัตยกรรมเทียบเท่าที่ Nikko ได้อีกแล้ว ศาลเจ้า Toshogu สร้างขึ้นในภูเขาดังนั้นที่นี่จึงโอบล้อมไปด้วยป่าเขาลำเนาไพรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์มาก ถนนที่มีไม้สนขึ้นอยู่เรียงรายตลอดสองข้างทางนำเรามาใกล้ถึงศาลเจ้า Toshogu จะเห็นเจดีย์ห้าชั้นสีแดงสดตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้า
เมื่อเดินลอดประตู Nio Mon ไปก็จะเข้าสู่ศาลเจ้าที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1617 ถือเป็นอาณาจักรสุดท้ายของ Tokugawa Ieyasu อย่างแท้จริงเพราะที่นี่ใช้เป็นที่ฝังศพของ Ieyasu ศาลเจ้าตกแต่งประดับประดาไปด้วยงานช่างไม้โบราณฝีมือชาวญี่ปุ่นแท้ๆที่วิจิตรงดงามอลังการจนบางครั้งฝั่งตะวันตกถึงกับเปรียบเปรยที่นี่ว่าเป็น Japanese Baroque
เราเริ่มจากงานไม้สามชิ้นที่ห้ามพลาดก่อน งานไม้เหล่านี้ซ่อนตัวอยู่ในสถาปัตยกรรมต่างๆทั้งชั้นนอกและชั้นในของศาลเจ้า เริ่มจากรูปสลักลิงปิดหูปิดตาปิดปากสามตัวที่แฝงปริศนาธรรมเอาไว้ว่าไม่ฟังเรื่องชั่วไม่พูดเรื่องชั่วและไม่ดูเรื่องชั่ว รูปสลักนี้อยู่บนอาคารไม้ที่ใช้เลี้ยงม้าศักดิ์สิทธ์ประจำศาลเจ้า นอกจากนี้ยังมีงานแกะสลักช้างบนหน้าบันของอาคารไม้สีแดงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆกับอาคารไม้ที่มีรูปสลักลิงสามตัว มีเรื่องเล่ากันว่าช้างที่แกะลงบนหน้าบันของอาคารไม้สีแดงนั้นแกะจากจินตาการและคำบอกเล่าของผู้อื่นทั้งสิ้นเนื่องจากช่างแกะสลักไม้ไม่เคยเป็นช้างตัวเป็นๆมาก่อนในชีวิต มันจึงมีฉายาว่า Imagined Elephans หรือ......ช้าง คู่จิ้น..... และงานแกะสลักสำคัญที่พลาดไม่ได้ แต่เชื่อว่าคงมีหลายคนต้องพลาดแน่ๆ เพราะเป็นงานแกะสลักเล็กๆอยู่บนคานประตูที่นำเราเข้าไปชั้นในบริเวณสุสานของ Ieyasu งานชิ้นนี้มีชื่ว่า Sleeping Cat
เขยิบเข้ามาด้านในเดินขึ้นบันใดลอดใต้ประตู Torii จะผ่านประตู Yomeimon เสียดายว่าประตูยังคงปิดซ่อมอยู่ แต่ด้านข้างเป็นกำแพงมีงานสลักไม้เป็นแนวยาวงดงาม เมื่อก้าวผ่านบริเวณนี้ไปจะพบกับประตู Karamon อันงดงามที่จะนำเราเข้าไปสู่ศาลเจ้าชั้นใน ต้องฝากรองเท้าไว้ในชั้นวางรองเท้าด้านหน้า
เมื่อสักการะศาลเจ้าชั้นในแล้ว หัวใจสำคัญของศาลเจ้า Toshogu ที่พลาดไม่ได้นั่นคือการเข้าไปในสุสานของ Tokugawa Ieyasu ทางเดินลาดปูด้วยหินที่เรียงรายไปด้วยต้นสนอายุนับร้อยปีอยู่ด้านข้างนำเราค่อยๆขึ้นไปบนภูเขาที่พักแห่งสุดท้ายของ Ieyasu
เมื่อเดินขึ้นบันใดหินสูงขึ้นๆเรื่อยๆ ลอดผ่านประตู Torii แล้วจะพบกับศาลเจ้าเล็กๆ ที่ๆนักท่องเที่ยวมักจะแวะเข้ามาสักการะก่อนจะเข้าไปสู่สุสานชั้นใน
เป็นที่น่าแปลกใจว่าโกษสำริดของ Ieyasu นั้นกลับดูเรียบง่ายกว่าที่คิด มีรูปสำริดที่หล่อขึ้นเป็นสุนัขสิงห์และนกกระยาง ประดับอยู่เบื้องหน้าเพียงเท่านั้น ทางเดินที่โอบรอบโกษทำให้ผู้คนที่ได้เข้าเยี่ยมชมสุสานสามารถพินิจถึงที่พักพึงแหล่งสุดท้ายของอดีตโชกุนผู้เรื่องอำนาจได้ทั่วทุกมุมมอง
และเมื่อเราได้เข้าเยี่ยมสุสานของ Tokugawa Ieyasu เรียบร้อย ก็ถึงเวลาที่ต้องออกเดินเท้าเพื่อไปยังจุดหมายต่อไปนั่นคือ ศาลเจ้า Futarasan และวัด Taiyuinbyo ซึ่งจะขอเก็บไว้ก่อน สำหรับคราวนี้ต้องขอขอบพระคุณที่ติดตามแล้วพบกันในตอนต่อไปครับ
**บัตรเข้าชมแบบ combo ในโซนมรดกโลกที่เคยจำหน่ายอยู่เมื่อหลายปีก่อนที่สามารถเข้าชมทุกวัดและทุกศาลเจ้า ในปัจจุบันไม่มีขายแล้วนะครับเนื่องจากเกิดเหตุขัดข้องบางประการ ดังนั้นการเข้าชมวัดและศาลเจ้าจึงต้องซื้อบัตรเข้าชมแยกกันโดยสามารถซื้อได้ที่หน้าวัดหรือศาลเจ้านั้นๆครับ**
เรื่องและรูปภาพโดย : From the outside in ติดตามเรื่องราวท่องเที่ยวพร้อมภาพสวยๆ ได้ที่เพจเลยนะครับ
![]() |
ญี่ปุ่นครั้งเดียวไม่พอ ตอน ชมซากุระผลิบานเมือง Nikko และ Kinugawa Onsen
Tochigi | view 36,668 |
![]() |
ช็อปปิ้ง Coach ที่ Sano Outlet จังหวัด Tochigi ราคาลดแล้ว ยังมีคูปองให้ลดอีก!!
Tochigi | view 35,230 |
![]() |
ชมดอกไม้สวยๆ ที่สวนอะชิคะงะ (Ashikaga Flower Park) จังหวัดโทชิกิ (Tochigi Prefecture)
Tochigi | view 11,027 |
![]() |
เที่ยวทะเลสาบที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อ 25,000 ปีก่อนที่ "Nikko" เมืองมรดกโลก
Tochigi | view 9,902 |