เที่ยวลัดเลาะไปเรื่อย เน้นกินอร่อย นอนสบายพร้อมแช่ออนเซนสุดฟินที่จ. อิวะเตะ!

17,329

บทความก่อนหน้า แอดมินได้พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวรอบโตเกียวใน 1 วันกันมาแล้ว บทความนี้ขอพาออกไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปมองฟ้ากว้าง มองภูเขา สูดหายใจลึกๆ ให้เต็มปอดกับต้นไม้ใบหญ้าและลำธารใสๆ ทริปนี้เราเน้นเที่ยวไปตามใจฉัน ลัดเลาะไปเรื่อย เน้นกินอร่อย นอนสบาย แถมด้วยการแช่ออนเซนส่วนตัวท่ามกลางวิวป่าเขา อยากทราบแล้วใช่มั้ยคะ ว่าแอดมินจะพาไปจังหวัดอะไร คำตอบก็คือ "จังหวัดอิวะเตะ" ค่ะ

การเดินทางโดยใช้ JR EAST PASS (Tohoku area)

จะว่าไปจังหวัดอิวะเตะเหมือนจะไกลจากโตเกียว แต่ไม่ไกลเลย เมื่อเรามี JR EAST PASS ค่ะ ถามว่าทำไมต้องไปเที่ยวไกลขนาดนี้ ก็เพราะว่าที่จังวหัดนี้มีสิ่งที่จังหวัดอื่นไม่มี เมืองใหญ่อย่างโตเกียวก็ไม่ได้มีทิวทัศน์ธรรมชาติให้เราสูดอากาศได้เต็มปอด ไม่มีออนเซน ไม่มีภูเขา ไหนๆ ก็จัดทริปกันทั้งที ก็ขอผ่อนคลายให้มันเต็มที่ไปเลย ว่าแล้วอย่ารอช้า ตามแอดมินมาเที่ยวไปพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ

jr_aj01

JR PASS นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นอย่างคุ้มค่า เพราะว่าผู้ถือพาสนี้สามารถใช้บริการได้ทั้งรถไฟ JR ธรรมดาและรถไฟชินกังเซน

jr_aj04

jr_aj03

สำหรับพาส "JR EAST PASS (Tohoku area)" นั้น ผู้ถือพาสนี้สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟเจอาร์ (JR Train),  รถไฟชินกังเซน (Bullet train) , รถไฟด่วนจากสนามบินนาริตะเข้าเมืองโตเกียวที่เรียกว่านาริตะ เอ็กซ์เพรส (Narita Express) และรถไฟโตเกียว โมโนเรล (Tokyo Monorail) ที่ให้บริการจากสนามบินฮะเนะดะเพื่อเข้าเมือง

นักท่องเที่ยวสามารถใช้พาสนี้เดินทางไปยังหลายสถานที่ ไม่ว่าจะเป็น อะโอโมริ (Aomori), นิกโก้ (Nikko), เซนได (Sendai), อะกิตะ (Akita)  โดยไม่จำกัดเที่ยว

หากใครสนใจซื้อพาสนี้ สามารถทำได้สองวิธีคือ

1.หากต้องการซื้อที่ประเทศไทย สามารถสั่งซื้อออนไลน์หรือซื้อได้ที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย

2.หากต้องการซื้อที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถซื้อได้ที่สนามบินนาริตะและสนามบินฮะเนะดะ หรือตามจุดจำหน่ายอื่นๆ ในโตเกียวอย่างเช่นออฟฟิศของ JR EAST Travel Service Center ในภาพด้านล่าง ตั้งอยู่ที่สถานีชินจูกุ นักท่องเที่ยวสามารถมาซื้อพาสที่นี่ สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การเดินทาง โรงแรม หรือแลกเปลี่ยนเงินที่นี่ก็ได้นะคะ สะดวกมากๆ เลยค่ะ

เจอาร์อีสท์ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ > https://www.jreast.co.jp/e/eastpass_t/

ส่วนเรื่องการใช้งานพาสก็สะดวกมากๆ ในกรณีที่ซื้อมาจากประเทศไทย เมื่อเรามาถึงสนามบิน ก็ต้องไปแลกบัตร JR Pass ตามภาพด้านบนมาก่อนนะคะ การขึ้นรถไฟของเราหลังจากนี้จะเปลี่ยนไป หากเป็นรถไฟ JR ทั่วไปที่อยู่ในเงื่อนไขของ JR EAST PASSและรถไฟชินกังเซนแบบไม่จองที่นั่ง  เราไม่ต้องซื้อตั๋วแล้วค่ะ แค่โชว์ JR EAST PASS ก็เข้าสถานีได้เลย เฉพาะครั้งแรกที่ใช้บัตรเจ้าหน้าที่จะขอดูพาสปอร์ตด้วย แล้วจะประทับวันที่เริ่มใช้ที่ด้านหลังของพาส จากนั้น ในครั้งต่อๆ ไปไม่ได้ขอดูพาสปอร์ตค่ะ

jr_aj02

แต่ในกรณีที่เราต้องการใช้ชินกังเซนแบบจองที่นั่ง เราก็สามารถจองวันและเวลาที่เราต้องการโดยสารได้ที่ห้องขายตั๋วของสถานีหรือจะจองออนไลน์ก็ได้นะคะ ที่ลิงค์นี้เลยค่ะ

ข้าวกล่องที่สถานีรถไฟโตเกียว (Ekiben at Tokyo station)

akiben_aj03

คนญี่ปุ่นเรียกข้าวกล่องที่ขายตามสถานีรถไฟว่า “เอกิเบน” คำว่าเอกิแปลว่าสถานี ส่วนคำว่าเบน ก็ย่อมาสั้นๆ จากคำว่าเบนโต นั่นเองค่ะ

akiben_aj04

akiben_aj05

akiben_aj06

akiben_aj02

คนมักจะซื้อเอกิเบนไปกินบนรถไฟที่ต้องเดินทางนานๆ เช่นบนรถไฟชินกังเซน เสน่ห์ของเอกิเบนอยู่ตรงที่แต่ละสถานีก็จะมีเอกิเบนของตนเอง บางแห่งมีชื่อเสียงมาก จนคนต้องนั่งรถไฟตามไปชิม ส่วน ความน่าสนใจของร้านเอกิเบนที่สถานีโตเกียวก็คือ ที่นี่รวบรวมข้าวกล่องที่มีชื่อเสียงเอาไว้มากมาย แถมยังมีข้าวกล่องที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลอีกด้วย เรียกได้ว่า ตอนเดินเข้ามาในร้าน เลือกเอกิเบนกันไม่ถูกเลยทีเดียวเพราะว่าอันไหนๆ ก็ดูน่ากินไปเสียหมด

akiben_aj01

ร้านเอกิเบนที่สถานีโตเกียว อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  > http://www.ekiben.or.jp/main/tokyo.php

รถไฟหัวกระสุนชินกังเซน (Shinkansen Bullet Train)

bullet_aj01

การเดินทางด้วยรถไฟชินกังเซนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะท่านที่มี JR Pass ก็นับว่าสะดวกสบายและคุ้มค่ามากๆ เลยค่ะ เพราะว่านอกจากประหยัดเวลาแล้ว ยังประหยัดเงินมากกว่าการซื้อตั๋วรถไฟเป็นครั้งๆ ไป ด้วยนะคะ ที่นั่งก็สบาย กว้างขวาง มีพื้นที่สำหรับเก็บกระเป๋าเดินทาง สำหรับรถไฟที่เดินทางข้ามจังหวัดอย่างชินกังเซน เราสามารถซื้ออาหารแล้วนำขึ้นมากินในรถไฟได้แต่ถ้าหากไม่ได้ซื้อมา บนรถไฟก็มีเจ้าหน้าที่เข็นรถมาขายอาหารและเครื่องดื่มนะคะ ไม่ต้องกังวลว่าจะหิวเลยค่ะ

bullet_aj03

bullet_aj02

การเดินทางด้วยชินกังเซน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  > http://www.jreast.co.jp/index.html/

ล่องเรือที่แก่งเกบิเก (Geibikei)

gebige_aj01

แก่งเกบิเกเป็นหนึ่งในร้อยสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำของประเทศญี่ปุ่น หน้าผาในบริเวณนั้นมีความแปลกตาแม่น้ำมีความลึกเพียง 1 เมตร แต่ว่าน้ำในแก่งนั้นใสมากๆ จนมองเห็นตัวปลาที่แหวกว่ายอยู่ได้ แต่ละจุดที่เรือผ่านนั้น มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ ซึ่งพนักงานที่พายเรือจะเป็นผู้อธิบายให้เราฟัง นอกจากนี้พนักงานพายเรือยังสามารถร้องเพลงพื้นบ้านให้นักท่องเที่ยวฟังได้อีกด้วย

gebige_aj04

gebige_aj05

นักท่องเที่ยวสามารถมาล่องเรือชมความงามของแก่งเกบิเกได้ทุกฤดูกาล สามารถเลือกที่จะนั่งเรือชมธรรมชาติเพียงอย่างเดียว (ค่าบริการคนละ 1,600 เยน) หรือถ้าหากต้องการรับประทานอาหารไปด้วยระหว่างที่ล่องเรือก็สามารถทำได้เช่นกัน (ค่าบริการคนละ 3,300 เยน)  ใช้เวลาในการล่องเรือทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลาประมาณ 8:00-16:00 น. เรือออกทุก 1 ชม. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเวลาให้บริการอาจแตกต่างไปเล็กน้อยขึ้นกับช่วงฤดูกาลและสภาพอากาศค่ะ

gebige_aj03

gebige_aj06

gebige_aj02

แก่งเกบิเก อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  > http://www.geibikei.co.jp/gourmet/gourmet-menu/#gourmetmenu03

ทดลองทำกระดาษสาด้วยตนเอง (Tazanwashi papermaking)

paper_aj01

อีกหนึ่งกิจกรรมสนุกๆ ใกล้ๆ แก่งเกบิเกก็คือนักท่องเที่ยวมีโอกาสได้ทดลองทำกระดาษสา ตัวกระดาษใช้เยื่อจากต้นโคโซมาทำ ตกแต่งลวดลายบนกระดาษให้สวยงามด้วยดอกไม้ใบไม้ที่เก็บมาสดๆ ค่ะ

paper_aj06

ต้นโคโซคือต้นไม้ด้านขวามือค่ะ

paper_aj04

อุปกรณ์มีเตรียมเอาไว้ให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นเยื่อต้นโคโซสีขาวสำหรับทำพื้นกระดาษที่อยู่ในถังขนาดใหญ่และเยื่อต้นโคโซผสมสีเอาไว้หลากสีในถังเล็กๆ เพื่อนำมาตกแต่งกระดาษให้มีความสวยงามตามความต้องการของลูกค้าแต่ละท่าน

paper_aj07

paper_aj05

paper_aj02

เมื่อตกแต่งกระดาษจนเป็นที่พอใจแล้ว ต้องปล่อยให้แห้ง ซึ่งทางร้านแจ้งว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นทางร้านจะส่งกระดาษที่เราทำไว้ไปยังที่อยู่ที่เราแจ้งทางร้านไว้ หากเป็นที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นเสียค่าส่ง เพียง100 เยนแต่ถ้าหากว่าเป็นที่อยู่ที่ต่างประเทศอย่างประเทศไทยก็สามารถส่งได้นะคะ แต่ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการส่งตามจริงค่ะ

paper_aj03

ค่าบริการทำกระดาษสา 1,000 เยนต่อคนค่ะ แต่ว่าถ้าทำสองคน คิดราคาเพียง 1,500 เยนต่อสองท่านนะคะ

การทำกระดาษสา อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  > http://www.echna.ne.jp/~nobuhiko/kamisuki/index.html

มรดกทางวัฒนธรรม - วัดจูซนจิ (Chusonji temple)

วัดจูซนจิเป็นวัดที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เราเดินขึ้นเขาไปโดยมีจุดหมายคือวิหารสีทองของวัดจูซนจิ ตามสองข้างทางจะได้พบเห็นวัดและศาลเจ้ามากมาย ซึ่งแต่ละแห่งก็เชื่อว่ามีเทพแต่ละองค์สถิตอยู่ต่างกันออกไป เช่นเทพแห่งดวงตา เทพที่มีหน้าที่รักษาดวงวิญญาณของเด็ก ส่วนตัวผู้เขียนไม่เคยพบวัดที่มีศาลเจ้ารวมกันอยู่ในที่เดียวเป็นจำนวนมากเท่านี้มาก่อน

chusonji_aj02

chusonji_aj01

chusonji_aj03

chusonji_aj07

ไฮไลท์ของวัดแห่งนี้คือส่วนของวิหารสีทอง อุโบสถ หอเก็บสมบัติและพระสูตรแห่งวัดจูซนจิ

-วิหารสีทอง สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1124 เป็นอาคารเดียวที่ยังเหลือเค้าโครงเดิมอยู่ ภายในมีรูปพระโพธิสัตว์ 6 พระองค์และที่แท่นประดิษฐานพระประธานเป็นที่เก็บอัฐิของท่านฟุจิวาระ คิโยฮะระผู้เป็นต้นตระกูล

chusonji_aj04

-อุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระศากยมุนีพระพุทธเจ้าเอาไว้ ภายในมีธรรมประทีปที่ไม่เคยดับ ส่องแสงมานานกว่า 1,200 ปี

-หอเก็บสมบัติมีมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญๆ เก็บอยู่มากกว่า 3,000 ชิ้น เช่นพระพุทธรูป เครื่องสักการะ พระสูตรและภาพเขียน

chusonji_aj06

วัดจูซนจิ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  > http://www.chusonji.or.jp/th/ (เว็บไซต์เป็นภาษาไทยค่ะ)

โรงแรมยูเซน ชิดะเทะ (Yusen Shidate Ryokan)

ระหว่างที่กำลังเดินทางไปโรงแรมนั้นเราก็ได้แวะชมภาพที่จะปรากฏขึ้นในเวลากลางคืนเท่านั้น มีความสวยงามแปลกตาอย่างมาก ซึ่งภาพนี้วาดขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณมิยะซะวะ เคนจิผู้เป็นกวีที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองนี้

light

เมื่อเดินทางมาถึงโรงแรมยูเซน ชิดะเทะ (Yusen Shidate) พอก้าวเท้าเข้ามาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากชุดน้ำชาและขนมนี้ค่ะ

ryokan_aj26

ที่นี่มีห้องพักทั้งแบบบิสสิเนทโฮเทลและแบบเรียวกัง ให้บริการ ซึ่งในครั้งนี้เราพักในห้องแบบเรียวกัง (เรียวกังแปลว่าโรงแรมแบบญี่ปุ่น ค่ะ) ห้องแบบนี้มีทั้งหมด 16 ห้อง พอเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกว่าห้องพักมีความสวยงาม กว้างขวาง มีพื้นที่ใช้สอยเยอะมาก

ryokan_aj27

ในส่วนของห้องนั่งเล่น พื้นปูด้วยเสื่อตะตะทิให้อารมณ์แบบญี่ปุ่น พื้นในห้องยกต่างระดับกันทำให้รู้สึกถึงความเป็นสัดส่วน

ryokan_aj01

ความพิเศษคือแต่ละห้องมีออนเซนส่วนตัว ทำให้เราไม่ต้องเคอะเขินกับการใช้ออนเซนร่วมกับผู้อื่น จากบ่อออนเซนในห้องที่อยู่กลางแจ้ง เราสามารถมองเห็นป่าสนฝั่งตรงข้ามและเนื่องจากโรงแรมเงียบสงบ ทำให้เราได้ยินเสียงน้ำในลำธารไหลตลอดเวลา การใช้เวลาพักผ่อนที่นี่ทำให้รู้สึกว่าได้พักผ่อนจริงๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ ออนเซนที่อยู่กลางแจ้งแบบนี้ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “โระเทนบุโระ” (Rotenburo) ด้านนอก นอกจากจะมีโระเทนบุโระแล้ว ยังมีระเบียงพร้อมเก้าอี้ให้นั่งจิบชาไป ชมธรรมชาติไปอีกด้วยค่ะ

ryokan_aj14</p

ryokan_aj16

วิวที่มองเห็นจากระเบียงห้องพัก สวยงาม บรรยากาศรอบๆ เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างมากค่ะ

ryokan_aj17

ryokan_aj18

สำหรับอาหารที่นี่ก็อร่อยมากๆ ทั้งอาหารชุดไคเซกิในตอนค่ำและอาหารเช้าแบบญี่ปุ่นค่ะ

ryokan_aj04

ryokan_aj06

ryokan_aj08

ryokan_aj10

ryokan_aj11

ห้องอาหารมีความเป็นส่วนตัว และยังมองเห็นวิวที่สวยงามด้านนอกอีกด้วย สำหรับภาพด้านล่างนี้คือภาพชุดอาหารเช้าค่ะ

ryokan_aj19

ryokan_aj21

ryokan_aj22

โรงแรมอยู่ท่ามกลางธรรมชาติทำให้ทุกมุมของโรงแรมเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามได้ นอกจากนี้พนักงานยังให้บริการแขกทุกท่านเป็นอย่างดีอีกด้วย รู้สึกอุ่นใจและสะดวกสบายอย่างมากค่ะ

ryokan_aj23

ryokan_aj25

โรงแรมยูเซน ชิดะเทะ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  > http://www.shidate.info/

 

 ชะมิเซน (Shamisen)

เครื่องดีดชนิดนี้มีสามสาย ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องดนตรีที่มีเพียงสามสายและมีผู้เล่นเพียงคนเดียวจะสามารถสร้างบทเพลงที่ไพเราะอย่างมากได้ ยิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ชมการแสดงนี้แต่ก็เลยยิ่งรู้สึกประทับใจ รู้สึกขอบคุณทางโรงแรมที่นำการแสดงศิลปะวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาให้ผู้ที่เข้าพักได้ชม

shamisen_aj01

shamisen_aj02

โคอิวะอิ ฟาร์ม (Koiwai farm)

จากสถานีโมริโอกะ (Morioka Station) ขึ้นรถบัสที่ชานชลาที่ 10 ที่อยู่บริเวณหน้าสถานี ดูป้ายเช็คเวลารอบรถได้  นั่งรถมาเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ค่าโดยสารคนละ 700 เยน รถไม่จอดแวะที่ไหนเลย ขับตรงมาที่ฟาร์มเลย  เมื่อถึงที่แล้วรถจะจอดที่ด้านหน้าฟาร์มเลยค่ะ

koiwai_aj14

koiwai_aj06

koiwai_aj07

ฟาร์มแห่งนี้มีผลิตภัณฑ์นม เนย ชีสที่อร่อยขึ้นชื่อ เป็นสถานที่ๆ เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวเพราะว่ามีหลากหลายกิจกรรมให้ทุกคนทำได้อย่างสนุกสนานตลอดวัน

 koiwai_aj09

koiwai_aj10

สถานที่ของฟาร์มมีความกว้างขวาง หากต้องการนั่งรถชมฟาร์มก่อน ก็สามารถทำได้ รถมีวิ่งให้บริการเป็นรอบๆ สามารถติดต่อกับเจ้าหน้าที่ได้

koiwai_aj08

สนามเด็กเล่น นอกจากจะเป็นที่โปรดปรานของเด็กเล็กแล้วเด็กโตก็ชื่นชอบด้วยเช่นกัน ในวันที่ผู้เขียนไป เป็นวันที่มีเด็กๆ มาทัศนศึกษากัน ทำให้ฟาร์มดูสนุกสนานเพราะว่าเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ  บางคนก็แยกไปทดลองขี่ม้าหรือเล่นเกมส์สนุกๆ อื่นๆ

koiwai_aj04

koiwai_aj13

koiwai_aj05

มีการแสดงของแกะและสุนัขแสนรู้ เป็นที่ชื่นชอบของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เมื่อแกะตัวอ้วนกลม ถูกต้อนด้วยสุนัข เพียงแค่ใช้ตาในการออกคำสั่ง ไม่ต้องเห่าเลย แต่ว่าแกะก็วิ่งเข้ามาในคอกได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีแกะแสนรู้ที่วิ่งแข่งกันออกมากินอาหารที่อยู่ในราง น่ารักและสนุกสนานมากๆ เลยค่ะ

koiwai_aj11

koiwai_aj12

ใกล้กันนั้น มีทุ่งดอกคอสมอสอยู่ ณ วันที่ไปยังบานแค่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ก็สวยงามมาก ด้านหลังมีภูเขาไฟอิวะเตะซังเป็นฉากหลัง ดูสวยงามแล้วก็ยิ่งใหญ่มากเลยค่ะ  

OVERALL_aj01

ภายในฟาร์มมีห้องอาหารที่จุผู้คนได้จำนวนมากให้บริการ ในเซ็ทอาหารกลางวันมีนมสดมาให้ด้วย 1 แก้ว อร่อยมากๆ เลยค่ะ

koiwai_aj02

koiwai_aj01

โคอิวะอิ ฟาร์ม อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ  >  https://www.koiwai.co.jp/makiba/en/

เดินเล่นที่ใกล้ๆ สถานีโมริโอกะ

WALKING_aj02

ในเมืองโมริโอกะก็มีที่ให้เดินเล่นหลายที่เหมือนกันนะคะ มีทั้งวัดและศาลเจ้าที่มีประวัติที่น่าสนใจ

อย่างที่ๆ เรากำลังจะไป “Demons hand prints in the rocks” เป็นหินที่เชื่อว่ามีมือของยักษ์ประทับอยู่ เรื่องเล่ากันว่ายักษ์ทำความผิดและเพื่อเป็นการสัญญาว่าจะไม่ทำผิดอีก จึงประทับรอยมือเอาไว้บนหินที่นี่ค่ะ

WALKING_aj01

WALKING_aj05

WALKING_aj06

แล้วก็ยังมีวัดที่มีประวัติที่น่าสนใจมากๆ พร้อมวัตถุมีค่าทางวัฒนธรรมที่ควรจะไปได้เห็นกับตาสักครั้ง วัดนี้มีชื่อว่าวัดฮูนจิ (Hoonji temple) ภายในวัดมีรูปสลักพระอรหันต์ที่ทำมาจากไม้สน แล้วปิดด้วยทองจำนวน 500 องค์เรียงรายกันอยู่ ในอุโบสถ

WALKING_aj04

WALKING_aj08

นอกจากนี้ ติดกับสถานีโมริโอกะ ก็มีห้างซึ่งเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่เดินสนุก มีทั้งร้านขายสินค้าและร้านอาหารหลากหลายให้เลือกชิมกันได้ตามชอบ

WALKING_aj10

WALKING_aj09

WALKING_aj07

ที่สำคัญอย่าลืมชิมเอกิเบน ของขึ้นชื่อของที่นี่นะคะ

WALKING_aj11

สรุปแล้วการได้มาเที่ยวในครั้งนี้ ได้รับความประทับใจเป็นอย่างมากเพราะว่าได้ไปหลายๆ ที่ บางสถานที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ในโตเกียวอย่างเช่นตรอกโอโมอิเดะ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ได้รู้ว่าสวนสาธารณะในโตเกียวมีความใหญ่โตและสวยงามแค่ไหน ซึ่งไม่ได้มีแค่ต้นไม้แต่ยังไม่สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ซ่อนอยู่  นอกจากนี้ยังได้ไปต่างจังหวัดที่มีธรรมชาติที่สวยงามอย่างจังหวัดอิวะเตะ สถานที่ๆ สวยงามตามธรรมชาติแต่เสียดายที่นักท่องเที่ยวชาวไทยยังไม่ค่อยรู้จักนัก ทริปนี้ทำให้รู้สึกว่าอยากจะแบ่งปันข้อมูลการท่องเที่ยวที่ได้สัมผัสมา ส่งต่อให้กับคนที่อยากจะมาสัมผัสทั้งความเป็นเมืองและความเป็นธรรมชาติของญี่ปุ่นค่ะ

 รูปและข้อมูลโดย : แอดมินดาว

admin-dao