เราเดินทางจาก Kitakami ขึ้นมาสุดสายที่ Aomori เพื่อพักค้างคืนหนึ่งคืนที่นี่ ต้องขอบคุณ JR East pass ที่ช่วยให้เราได้นั่งรถไฟไฮโซอย่าง Hayabusa เพราะตั้งแต่ที่เราเคยใช้ตั๋ว JR pass มา Shinkansen ที่เราได้เคยนั่งก็ยังไม่ด่วนจี๋ขนาดที่แทบไม่แวะจอดที่ไหนทำให้เราใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้นในการมาที่นี่ มาถึง Aomori ราวบ่ายสองโมง มีเวลานั่งรถไปเดินใน Aomori Museum of Art นิดหน่อยก่อนที่จะแวะไปที่โรงแรมนอนพักเอาแรงก่อนต้องตื่นเช้ามากๆในวันรุ่งขึ้น
หกโมงกว่าๆ ล้อหมุนจากสถานี Aomori เรานั่งรถไฟ JR Ou Line มายัง Hirosaki นั่งมาประมาณ 40 นาทีมาถึงตอนเจ็ดโมงนิดๆ ขึ้นแท๊กซี่คันแรกที่เข้าคิวรอ ถึงแม้จะเช้าแต่เราเริ่มสัมผัสได้ถึงคาราวานนักท่องเที่ยวที่เริ่มมากันโดยรถยนต์ แต่สำหรับ early bird อย่างเราการมาถึงที่นี่แต่เช้าก็ช่วยให้เราไม่ต้องผจญกับรถติดและเดินทางมายังสวน Hirosaki ได้อย่างสะดวก
สวน Hirosaki ติดอันดับหนึ่งในร้อยสถานที่ที่สวยที่สุดในการชมซากุระ การันตีได้เพราะเป็นการจัดอันดับอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลญี่ปุ่นซะด้วย นอกจากนี้สวน Hirosaki ยังครอบครองอีกสองตำแหน่งนั่นคือสวนที่สวยที่สุดหนึ่งในร้อยที่ผสานมนุษย์กับธรรมชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกันและยังแถมพ่วงตำแหน่งปราสาทที่สวยที่สุดหนึ่งในร้อยของญี่ปุ่นอีกด้วย (ในสวน Hirosaki มีปราสาท Hirosaki ปราสาทขนาดย่อมแต่ความสวยงามขนาดมหึมาทีเดียว)
แท๊กซี่เลี้ยวฟ้าบพาเราเข้ามาจอดฝั่งประตู Hirosaki Municipal Hall ของสวน Hirosaki เราหยุดบันทึกภาพซากุระที่เริ่มจะบานเต็มที่บริเวณคูหน้าสวน Hirosaki พักนึง แค่ด้านนอกยังทำเอาตะลึงขนาดนี้ คิดไม่ออกเลยว่าด้านในสวนจะสวยงามขนาดไหน เราค่อยๆเดินมาเรื่อยๆจนถึง Hirosaki City Museum เดินเข้ามาถึงนี่ก็เป็นสัญลักษณ์ว่าสวน Hirosaki ส่วนที่มีซากุระบานอยู่ไม่ไกลแล้ว
เราข้ามสะพาน Sugi-no-Ohashi สะพานไม้สีแดงของสวน Hirosaki ชั้นนอก หาทางเดินไปส่วนที่เป็นทะเลสาบก่อนที่นักท่องเที่ยวจะทะลักทะลุทะลวงกันเข้ามามากๆในช่วงสาย แต่เนื่องจากยังเช้ามาก เรายังไม่เห็นคนเช่าเรือไปพายกันในทะเลสาบเท่าไหร่นัก
เราเดินลอดอุโมงค์ซากุระที่คาดว่ามีราว 2500 ต้นตรงไปยังจุดชมวิวที่สวยมากอีกจุดนึงนั่นคือกึ่งกลางสะพาน Shunyobashi จากสะพานเราเห็นแนวต้นซากุระที่เต็มไปด้วยดอกบานเต็มที่เป็นแนวยาวสองข้างทางไปจนสุดสายตา ไม่ว่าจะเป็นวิวในอุโมงค์หรือวิวทะเลสาบล้วนสวยงามทั้งสิ้น
ถัดจากสะพาน Shunyobashi ไปไม่กี่ก้าว เราก็จะเข้าเขตงานชมซากุระประจำปีของที่นี่ซึ่งจัดมาเป็นปีที่ 100 แล้ว (ในปี 2018) ช่วงเวลาที่กำหนดไว้จะเริ่มจาก 23 เมษายนถึง 5 พฤษภาคม ทุกปี จะว่าไปบรรยากาศมันคุ้นกับงานวัดที่เคยไปเดินตอนเด็กแถวสำโรง ไม่ได้พูดเอาฮาเกินจริงนะเพราะพี่ก็เล่นมีบ้านผีสิงแบบว่าเข้าไปแล้วผีน่าจะกลัวคนมากกว่า
หรือแม้แต่มอเตอร์ไซค์ไต่ถังที่ยังแอบคิดว่าต้องถ่อมาดูถึงที่นี่เลยเหรอ สรุปว่าอะไรที่เคยเห็นที่บ้านเราที่นี่มีหมด ที่น่าจะขาดไปน่าจะมีอับดุลย์กับเมียงู แต่แค่นี้ก็รู้สึกเหมือนเดินอยู่ในเมืองไทยยังไงยังงั้นเลย
ท้ายที่สุดเราเดินย้อนกลับมาทางเดิมตามอุโมงค์ซากุระแล้วเลี้ยวขึ้นสะพาน Ge-jo Bashi สะพานแห่งนี้เคยเป็นจุดชมวิวปราสาท Hirosaki ที่สวยที่สุดแล้วแต่ทว่า ปราสาท Hirosaki ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเสียแล้ว มันหายไปไหน หายไปทำไม หายไปได้ยังไง เรื่องไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนิยายของ Agatha Christie
เรื่องมีอยู่ว่า มีการซ่อมแซมแถบกำแพงใต้ฐานของปราสาท Hirosaki เพราะมีรายงานการเริ่มทรุดตัวของฐานปราสาทหลังจากเกิดแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1983 ดังนั้นจึงจำเป็นการย้ายปราสาทออกไปจากจุดเดิมซึ่งก็ไม่ได้ถอดเป็นชิ้นๆเพราะปราสาทเป็นปูนต้องย้ายปราสาทออกไปทั้งก้อน ถึงจะเป็นปราสาทเล็กย่อม แต่ก็เป็นความท้าทายทางด้านวิศวกรรมเป็นอย่างมากเพราะน้ำหนักที่มากถึง 400 ตันและปราสาทอายุ 200 กว่าปีนี้ก็ห้ามเสียหายเด็ดขาด กระบวนการย้ายปราสาทเริ่มขึ้นราวปี ค.ศ. 2015 โดยการยกตัวปราสาทขึ้นจากรากฐานแล้วค่อยๆเคลื่อนที่ไปจากจุดเดิม ถึงจะมีระยะทางแค่ 70 เมตรแต่ก็กินเวลาถึงสามเดือนทีเดียว ปราสาท Hirosaki เปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปีค.ศ. 2016 และคาดว่าปราสาทจะย้ายกลับไปยังตำแหน่งเดิมช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีในปี ค.ศ. 2021 หลังจากการเสริมความมั่นคงให้ฐานรากเสร็จ และหลังจากนั้นอีก 5 ปีจะเป็นเวลาของการเอาก้อนหินมาเรียงกลับเข้าไปตรงกำแพงฐานรากตามตำแหน่งเดิมเหมือนกับก่อนหน้าที่ได้รื้อออกมา
ได้มาถึงปราสาท Hirosaki แล้ว ไม่เข้าไปชมมันก็กระไรอยู่ใช่มั้ย เราเข้าไปดูด้านในปราสาทแล้วค้นพบว่าภายในปราสาทเองก็ต้องเสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างเดิมด้วนเหมือนกัน เสาและคานเหล็กถูกนำเข้ามาค้ำยันโครงสร้างเดิมของปราสาทไม่ให้ได้รับความเสียหายจากการเคลื่อนย้าย
และที่ดีกว่าการเข้าไปชมปราสาทเฉยๆ ที่ชั้นบนสุดของปราสาท Hirosaki ยังใช้เป็นจุดชมวิว ได้เห็นยอดซากุระบานเต็มที่ ยาวไปถึงภูเขา Iwaki ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะบางส่วนบอกเลยว่าเจริญตามากจากจุดนี้
ลืมบอกไปว่าปราสาท เปิด 9 โมงเช้าปิด 5 โมงเย็นและจะยืดเวลาปิดออกไปช่วงที่มีเทศกาลซากุระ ปราสาทปิดไม่ให้คนเข้าตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ถึง 31 มีนาคมของทุกปี แต่ใครไปช่วงนั้นไม่น่าจะต้องตกใจอะไรเพราะถึงปิดไม่ให้เข้าแต่ก็น่าจะยังชมปราสาทจากด้านนอกได้ สำหรับค่าชมปราสาทมีตั๋วสองแบบ แบบแรก 310 เยน ใช้ชมปราสาทได้อย่างเดียว และแบบที่ 2 เป็นแบบ combo ใช้เข้าชมได้ 3 ที่คือ ปราสาท Hirosaki, สวนพฤกษชาติ Hirosaki หรือ Hirosaki Botanical Garden และ Fujita Memorial Garden