"มหานครโตเกียว" เมืองที่เที่ยวอย่างไรก็ไม่มีเบื่อ มีหลายอย่างให้ทำ ทั้งช็อปปิ้ง ร้านอาหารอร่อย สถานที่ท่องเที่ยวหรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน สถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ ที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ก็ยังมีนะคะ บางสถานที่ซ่อนตัวอยู่ รอให้เราไปค้นหา ไปดูกันค่ะ ว่า 1 วัน เราจะไปไหน กินอะไร ช็อปอะไร และพักที่ไหน
หนึ่งวันที่โตเกียวจะสนุกขนาดไหน ไปเที่ยวพร้อมๆ กันเลยค่ะ!!
จากสถานีเจอาร์ คิจิโจจิ (JR Kichijoji Station) เดินเพียงประมาณ 5 นาที ก็จะมาถึงสวนสาธารณะที่เป็นปอดของโตเกียวอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “สวนอิโนคะชิระ” (Inokashira Park)
สวนแห่งนี้นับว่าเป็นสวนสาธารณะเก่าแก่ของโตเกียว เพราะว่าเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1917 ซึ่งครบ 100 ปี ในปีค.ศ. 2017 นี้
เราสามารถเข้ามาในสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ปัจจุบันภายในสวนสาธารณะมีสวนสัตว์ (หากต้องการเข้าสวนสัตว์ต้องซื้อบัตรผ่านประตู)
สวนสัตว์ อิโนคะชิระ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.tokyo-zoo.net/english/ino/main.html
ศาลเจ้า สระน้ำขนาดใหญ่ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ก็เป็นสถานที่ยอดฮิตที่ผู้คนในโตเกียวและนักท่องเที่ยวนิยมมาชื่นชมความงดงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งและใบไม้เปลี่ยนสี นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จิบลิ (Ghibli Museum) พิพิธภัณฑ์อนิเมะสุดน่ารักของค่ายหนังสตูดิโอจิบลิอีกด้วยค่ะ
พิพิธภัณฑ์จิบลิ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.ghibli-museum.jp/
สวนสัตว์ที่อยู่ภายในสวนสาธารณะ เคยมีช้างจากไทยอาศัยอยู่ ช้างเชือกนี้มีชื่อว่า “ฮะนะโกะ” ทูตสันถวไมตรีที่ถูกส่งมาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่สวนสัตว์แห่งนี้มาเป็นระยะเวลายาวนาน จนถูกเรียกว่าคุณยายฮะนะโกะ แต่เมื่อปีที่แล้ว วันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2016 คุณยายฮะนะโกะได้ล้มลง (เสียชีวิต) มีอายุรวม 69 ปี สร้างความสะเทือนใจต่อชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก เนื่องจากคนรุ่นก่อน ที่อาศัยอยู่ในโตเกียว สมัยเด็กๆ ก็เคยมาเที่ยวที่สวนสัตว์และได้รู้จักกับคุณยายฮะนะโกะ พอโตเป็นผู้ใหญ่ ก็พาลูกหลานมาดู มารู้จักกับคุณยายฮะนะโกะอีก ก็เลยรู้สึกว่ามีความผูกพันเพราะว่า รู้จักกันมาเป็นเวลายาวนาน ดังนั้นพอคุณยายฮะนะโกะเสียชีวิต ก็เลยรู้สึกถึงความสูญเสีย ทำให้มีผู้คนกลุ่มหนึ่งรวบรวมเงินเพื่อทำรูปปั้นช้างฮะนะโกะขึ้นมา รูปปั้นนี้อยู่บริเวณหน้าสถานีคิจิโจจิ รูปปั้นมีความสูง 2.5 เมตร โดยช้างอยู่ในท่าที่ยื่นขาขวาออกมาข้างหน้า เป็นลักษณะของการแสดงการทักทาย ใช้เงินในการสร้างประมาณ 14 ล้านเยน ซึ่งในจำนวนนั้นก็มีเงินบางส่วนที่ได้รับการบริจาคจากประเทศไทยด้วยนะคะ ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องประทับใจระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะแห่งนี้ค่ะ
ภายในสวนสาธารณะมีสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของผู้คนมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำจากแม่น้ำคันดะ (Kanda River) โดยชื่อของสระน้ำแห่งนี้ (ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับสวน) โชกุนโทกุกะวะที่ 3 เป็นผู้ตั้งชื่อให้ “อิโนคะชิระ” มีความหมายว่าแหล่งต้นน้ำของน้ำกินน้ำใช้
ในสมัยโบราณ น้ำจากสระน้ำแห่งนี้มีชื่อเสียงมาก เพราะว่าเป็นน้ำที่มีรสชาติอร่อยที่สุด จึงนิยมนำน้ำไปใช้ในพิธีชงชาอีกด้วย แต่ปัจจุบันภาพที่เราเห็นคุ้นตาก็คือผู้คนนิยมมาพายเรือหรือถีบเรือเป็ด ที่อยู่ในสวนนี้ในวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ ซึ่งให้บริการตั้งแต่ 9:30 -17:20 น. ของทุกวัน (เวลาอาจปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล) ค่าบริการของเรือเป็ดยอดฮิตก็คือ 700 เยนต่อเวลา 30 นาทีค่ะ
นอกจากนี้ในสวนยังมีศาลเจ้าเบนซะอิเทน (Benzaiten) ที่ผู้คนนิยมมาขอพร ซึ่งที่ด้านหลังของศาลเจ้ามีบ่อน้ำที่เชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หากนำเงินมาล้างน้ำ แล้วเก็บเงินนั้นไว้เป็นขวัญกระเป๋า จะทำให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ทำอยู่ ร่ำรวยเงินทอง วิธีการก็คือนำเงินใส่ลงไปในตะกร้าแล้วตักน้ำในบ่อมังกร ราดเงิน จากนั้นก็นำเงินมาเก็บในกระเป๋าสตางค์ ค่ะ
ศาลเจ้าเบนซะอิเทน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.inokashirabenzaiten.com/english.htm
ภายในสวนมีบรรยากาศร่มรื่น ผู้คนนิยมมาเดินเล่น นั่งเล่น และทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกันที่นี่
สวนสาธารณะอิโนคะชิระ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.gotokyo.org/en/kanko/musashino/spot/40890.html
บริเวณหน้าสวนก็มีร้านค้า ร้านอาหารน่ารักๆ เพียบเลยค่ะ แนะนำให้มาหลัง 11:00 น. เพราะว่าถ้ามาเช้าไป ร้านค้าและร้านอาหารก็จะยังไม่เปิดค่ะ
ตอนขากลับ ได้มีโอกาสแวะถนนช็อปปิ้งใกล้ๆ สถานี มีชื่อว่าถนนช็อปปิ้งซันโร้ด (Sun Road Shopping Street) คิดว่าน่าจะถูกใจคนที่รักการช็อปปิ้งเพราะว่ามีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายยา ร้านขายขนมของฝาก เรียกว่ามีสินค้าหลากหลายให้เลือกซื้อกันจุใจเลยค่ะ
บริเวณด้านหน้าของถนนช็อปปิ้ง
ร้านขายยาที่ไม่ได้มีแค่ยาขายเท่านั้น แต่มีทั้งขนม เครื่องดื่ม อาหารเสริม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและของใช้ในชีวิตประจำวัน
ร้านขายขนมของฝากร้านนี้ราคาไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ มีทั้งขนมขบเคี้ยว ลูกอม ช็อกโกแลตและขนมที่ขายตามฤดูกาลด้วยนะคะ
ร้านเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นต่างๆ ก็มีนะคะ ถ้าหากว่ามีเวลา ตอนที่มาเที่ยวโตเกียวคิดว่าย่านสถานีคิจิโจจิก็เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าแวะมาท่องเที่ยวค่ะ
ย่านช็อปปิ้ง ถนนซันโร้ด อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.sun-road.or.jp/
การเดินทาง
ร้านนี้ให้บริการอาหารญี่ปุ่นที่เรียกว่าวะโชกุ (Washoku) จานเด่นคือเนื้อและชาบูๆ สำหรับมื้อเที่ยงที่ร้านคิชโช คิจิโจจิเป็นอีกหนึ่งมื้อประทับใจเพราะว่านอกจากอาหารอร่อยแล้ว ที่นี่ยังให้บริการห้องรับประทานอาหารที่มีความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
มื้อกลางวันเป็นสเต็กเนื้อ พร้อมอาหารข้างเคียงอื่นๆ ก่อนรับประทานก็ได้ตื่นตาตื่นใจกับการจัดจานสไตล์ญี่ปุ่น ที่อาหารดูเหมือนงานศิลปะ ไม่ได้เป็นอาหารสำหรับรับประทานเท่านั้นแต่ว่าเป็นอาหารตาด้วย พอได้ชิมแต่ละเมนูก็ยิ่งรู้สึกประทับใจ รสชาติอาหารที่เอร็ดอร่อย สัมผัสได้ถึงการตั้งใจเลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารแต่ละจานเป็นอย่างดี
ถาดร้อนใส่เสต็กของร้านนี้ดูแตกต่างจากร้านอื่นๆ เพราะว่าดูใสเหมือนแก้ว ในขณะที่ร้านอื่นๆ ที่เคยรับประทานมาก็เป็นกระทะร้อนแบบธรรมดา รู้สึกว่าพิถีพิถันแม้กระทั่งการเลือกภาชนะ
ที่อยู่ร้าน : 180-0004 Musashino-shi, Tokyo Kichijojihon-cho 1-31-12 Chapter Ⅱ Daiei building 2Fเวลาให้บริการ : เปิดบริการ 2 ช่วง- ช่วงแรก 11: 30 - 15: 00 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 14: 00 น.)- ช่วงที่สอง 17: 30 - 22: 30 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 21: 30 น.)วันหยุด : วันอาทิตย์ วันจันทร์และวัดหยุดราชการ- เบอร์โทรศัพท์ 0422-27-2228สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการจะมาลองรับประทานอาหารที่ร้านนี้ แนะนำว่าควรทำการจองล่วงหน้านะคะ
ร้านคิชโช คิจิโจจิ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.kissho.co.jp/kichijoji/
“ชิบุย่ะ” ย่านที่เป็นแหล่งช็อปปิ้งและศูนย์รวมความบันเทิงอีกแห่งหนึ่งของโตเกียว เมื่อเพื่อนๆ ออกมาจากสถานีที่ทางออก Hachiko Exit ก็จะได้พบกับอนุสาวรีย์หมาฮะจิโกะ ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นหมาที่ซื่อสัตย์ เฝ้ารอนายของมันทุกวันที่สถานี โดยที่ไม่รู้ว่าเจ้านายได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับเสียแล้ว เจ้าหมาน้อยเฝ้ารอนายของมันทุกวันที่สถานี จนมันเสียชีวิต ความซื่อสัตย์ของมันทำให้ผู้คนประทับใจและสร้างอนุสาวรีย์เอาไว้ที่นี่ นักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา มักจะแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเสมอ
วันที่ไปพบว่ามีเจ้าแมวมานอนตรงหมาฮะจิโกะพอดี ลองหาข้อมูลในอินเตอร์ดู พบว่าแทบทุกวันจะมีคุณลุงคนหนึ่ง พาแมวมานอนที่รูปปั้นเป็นประจำ ตั้งแต่เวลา 11 น. แมวจะอยู่ตรงนั้นเป็นเวลาประมาณ 1 ชม. สำหรับใครที่ชอบแมวและอยากมาเก็บภาพน่ารักๆ ของแมวและหมาฮะจิโกะ ลองมาตามเวลาดังกล่าวนะคะ
ตรงกันข้ามกับรูปปั้นหมาฮะจิโกะ ก็มีศูนย์ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ มองจากภายนอกคือโบกี้รถไฟเก่าๆ ทาสีเขียวค่ะ รถไฟโบกี้นี้เป็นรถไฟที่เคยใช้จริงนะคะ เป็นรถไฟสายโทคิว โทโยโกะ (Tokyu Toyoko line) ถูกใช้งานเมื่อปีค.ศ. 1954 และ ปีค.ศ. 1970 ซึ่งคนญี่ปุ่นจะเรียกเจ้ารถไฟสีเขียวนี้ว่าเจ้ากบเขียว (Green frog)
ตอนนี้เจ้ากบเขียวที่ว่านี้ถูกใช้เป็นสำนักงานของการท่องเที่ยว คอยให้คำปรึกษาแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการหาข้อมูลท่องเที่ยวและปรึกษาปัญหาต่างๆ เช่นการฝากกระเป๋า การใช้ไวไฟ และเรื่องจำเป็นอื่นๆ ค่ะตอนนี้มีเอกสารให้ข้อมูลได้ทั้งหมด 4 ภาษาด้วยกันคือภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีนและภาษาเกาหลีค่ะภายในโบกี้รถไฟ ภายในรถไฟถูกปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2560 ภายในโบกี้รถไฟเก่าตกแต่งด้วยธีมเฮลโหลคิตตี้ สีน้ำเงิน น่ารักมากๆ เลยค่ะ
อีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ คือจุดข้ามถนนตรงห้าแยกชิบุย่ะที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน ภาพผู้คนจำนวนมากเป็นพันๆ คน รอข้ามถนนพร้อมๆ กันทำให้แยกนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อาจจะเป็นเพราะว่าสถานีชิบุย่ะเป็นสถานีขนาดใหญ่ ผู้คนที่มาใช้บริการก็เลยมีจำนวนมาก แล้วถนนตรงนี้ก็เป็นจุดตัดไปยังถนนเส้นอื่นๆ หลายสาย ทำให้คนมาใช้บริการจุดข้ามตรงนี้แบบไม่ขาดสายเลยทีเดียว
จากสถานี JR ชิบุย่ะ หากข้ามฝั่งมา แล้วเดินเข้าไปในซอยทางซ้ายมือของร้านสตาร์บัค ก็จะเป็นเส้นทางที่นำไปสู่อีกหนึ่งย่านช็อปปิ้งของชิบุย่ะที่เรียกว่า “ถนนชิบุย่ะ เซ็นเตอร์ไก ” (Shibuya Center-gai Street) ย่านนี้ เป็นเหมือนแหล่งช็อปปิ้งของสินค้าแบรนด์ต่างๆ อย่าเข้าใจผิดนะคะ ไม่ใช่แบรนด์แนมราคาแพงที่เราเอื้อมไม่ถึงนะคะ แต่เป็น แต่เป็นสินค้าหลากหลายยี่ห้อทั้งของตะวันตกและของญี่ปุ่นเอง รวมกันมาไว้ที่นี่ อย่างที่ประเทศไทย ร้านเหล่านี้มักจะถูกรวมเอาไว้ในห้างสรรพสินค้า แต่ที่โตเกียวร้านเหล่านี้กลับเปิดเป็นร้านเอกเทศของตัวเอง เช่นร้านเสื้อซาร่า bershka นอกจากเสื้อผ้าก็มีร้านรองเท้า ร้าน 390 เยน ร้านถุงเท้าน่ารักๆ เรียกได้ว่า ณ ใจกลางนชิบุย่ะ มีสินค้าแทบทุกอย่างที่คุณต้องการ แถวนี้มีคนพลุกพล่านทั้งวัน ยิ่งช่วงเย็นๆ ค่ำๆ มีก็ร้านอาหารที่เป็นไนท์คลับ ผับ บาร์ต่างๆ เปิดให้บริการอยู่โดยรอบ เป็นอีกหนึ่งย่านสำหรับสนุกสนานไปกับไนท์ไลฟ์ของโตเกียวค่ะ
เมื่อเดินเข้ามาในถนนเส้นนี้ก็จะได้พบกับร้านรวงต่างๆ มากมาย
ร้านรองเท้าที่มีรองเท้าหลากหลายยี่ห้อรวมอยู่ในร้านเดียวให้ลูกค้าได้เลือกซื้ออย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางไปดูหลายๆ ร้าน สามารถเลือกชมและเรียบเทียบสินค้าได้ในที่เดียว
ร้านอาหารหลากหลายชนิดเปิดให้บริการเรียงรายทั้งสองข้างทางของถนน
ย่านนี้มีบรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คนตลอดทั้งวัน
ข้ามสถานีมาอีกฟากของถนน ก็ยังมีที่น่าเดินเที่ยวอีกหนึ่งแห่ง นั่นคือห้างสรรพสินค้าชิบุย่ะ ฮิคะริเอะ (Shibuya Hikarie ) ที่ตึกนี้มีทั้งหมด 13 ชั้น มีร้านขายสินค้าและร้านอาหารที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีจำนวนมาก
แต่ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่ห้างสรรพสินค้าเท่านั้นนะคะ ที่ชั้น 8 มีอาร์ทแกลอรี่และจุดชมวิว ที่เราไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ก็สามารถเข้าไปชมงานในแกลอรี่ได้ รวมทั้งคนทั่วไปสามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงของโตเกียวได้แบบฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงินสักเยนอีกด้วยค่ะ
บรรยากาศในแกลอรี่ ผลงานศิลปะที่แสดงจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่ะ
ห้างสรรพสินค้าชิบุย่ะ ฮิคะริเอะ (Shibuya Hikarie ) อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.hikarie.jp/
“ชินจูกุ” ถูกรู้จักในส่วนของการเป็นย่านช็อปปิ้งเสียมากกว่า นักท่องเที่ยวไม่ค่อยทราบว่าย่านนี้มีสวนสาธารณะที่มีขนาดใหญ่ ร่มรื่นและเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในมหานครโตเกียวแห่งนี้
สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอนเป็นสวนสาธารณะที่สร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ เคยเป็นสวนของท่านไดเมียวซึ่งต่อมากลายเป็นสวนสาธารณะที่ประชาชนสามารถเข้ามาใช้ได้ สวนแห่งนี้มีพื้นที่มากถึง 583,000 ตารางเมตร สนามหญ้ากว้างๆ ในสวนเป็นจุดที่ผู้คนนิยมมาใช้เวลาที่นี่ ในวันที่อากาศดี บางคนก็มานอนอ่านหนังสือ นั่งรับประทานอาหารกับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว ปิกนิกกัน หรือเล่นกีฬากัน
นอกจากสนามหญ้ากว้างๆ ดังกล่าวก็ยังมีสวนที่จัดแต่งไว้อย่างสวยงาม ทั้งสวนแบบญี่ปุ่น, สวนฝรั่งเศส และสวนแบบอังกฤษ อีกด้วยค่ะ
ภายในสวนมีร้านอาหารและร้านน้ำชาให้บริการ อีกหนึ่งอาคารที่น่าประทับใจในสวนนี้คืออาคารชินจูกุ เกียวเอน โกเรียวเทอิ (Shinjuku Gyoen Goryou Tei) เป็นอาคารที่มีประวัติว่าคนญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไต้หวันได้รวบรวมเงินและนำมาสร้างอาคารแห่งนี้ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าชายในสมัยต้นยุคโชวะ อาคารแห่งนี้เป็นอาคารแบบไต้หวันที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมของจีนตอนใต้ ในสมัยราชวงศ์ชิง
นอกจากจะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจแล้ว สวนแห่งนี้ยังเป็นที่ชมความสวยงามของธรรมชาติอีกด้วย ทั้งการชมดอกซากุระที่บานสะพรั่งพร้อมๆ กันในช่วงฤดูใบไม้ผลิและการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของทุกๆ ปี
สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > https://www.env.go.jp/garden/shinjukugyoen/
ท่ามกลางแหล่งช็อปปิ้งทันสมัยที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่างชินจูกุ ก็ยังมีตรอกเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายของร้านค้าในอดีตซ่อนตัวอยู่ ย่านดังกล่าวนี้มีชื่อว่า “โอโมอิเดะโยโกะโฉะ” เป็นตรอกเล็กๆ มีระยะประมาณ 400 เมตรที่อยู่ทางทิศตะวันตกของสถานีชินจูกุ ในตรอกนี้มีร้านเหล้าเล็กๆ แบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า “อิซะกะยะ” เรียงรายอยู่ตามสองข้างทาง อาหารที่ขายกันหลักๆ ของย่านนี้คือของย่างเสียบไม้ ที่รับประทานได้ง่ายๆ กับเหล้าหรือเครื่องดื่มต่างๆ เช่นเนื้อวัวย่าง หมูย่าง ไก่ย่างและเครื่องในย่าง ร้านเหล่านี้ว่ากันว่ามีมาตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วก็ยังเปิดกิจการมาจนถึงปัจจุบัน
ซูชิที่ร้านซูชิมะมิเระเป็นซูชิที่มีรสชาติดี สดและอร่อยมากๆ เลยค่ะ เมนูมีอาหารหลากหลายให้เลือกรับประทานไม่ว่าจะเลือกแบบเป็นจานเดี่ยวหรืออาหารเซ็ท หากใครที่ไม่ชอบรับประทานอาหารดิบอย่างซูชิหรือซาชิมิ ก็มีรายการอาหารอื่นให้เลือกรับประทานเช่นกัน
พร้อมกันนั้นสถานที่ก็มีให้เลือกทั้งที่เป็นเคาน์เตอร์บาร์และโต๊ะ มีความเป็นส่วนตัว คิดว่าเป็นร้านที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวและเหมาะที่จะเป็นสถานที่สังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าหลังเลิกงานก็ได้ ก่อนรับประทานอาหารเชฟยังมาอธิบายรายละเอียดของอาหารให้ฟังด้วย ประทับใจมากๆ ค่ะ
ร้านอาหารซูชิ มะมิเระ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > https://r.gnavi.co.jp/g454131/
โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่สะดวกมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางมาเข้าพักจากสถานีชินจูกุ ใช้ทางออก East Exit ก็ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีเท่านั้น และเมื่อเดินออกจากโรงแรม เราก็จะยืนอยู่ ณ ใจกลางชิจูกุ ที่เพียบพร้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้งทันที
สำหรับคนที่รักการช็อปปิ้ง การเข้าพักที่นี่ถือว่าเหมาะสมที่สุดเลยค่ะ เพราะว่าพอออกมาจากโรงแรมก็เจอร้านรวงมากมายและที่ประทับใจมากๆ ก็คือขนาดของห้องพักนั้นมีความกว้างขวางมากกว่าโรงแรมที่เป็น Business Hotel อื่นๆ ที่เคยพักมา ก็เลยไม่ต้องกังวลกับกระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระมากมายจากการช็อปปิ้งว่าจะไม่มีที่วาง
โรงแรมเซ็นทรัล โฮเทล โตเกียว อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นี้ค่ะ > http://www.central-h-tokyo.co.jp/
รูปและข้อมูลโดย : แอดมินดาว
![]() |
รวมพิกัด 3 ร้านดัง สำหรับคนรักแบรนด์เนมมือสอง @โตเกียว by JapanKookKook!!
Tokyo | view 371,457 |
![]() |
อยากซื้อของเซลล์ลดกระหน่ำที่ญี่ปุ่น ต้องไปช่วงไหน?
Tokyo | view 239,797 |
![]() |
15 สิ่งที่ต้องซื้อในซุปเปอร์มาเก็ตที่ญี่ปุ่น (ภาค2)
Tokyo | view 171,192 |
![]() |
Onitsuka Tiger ร้านใหญ่ มีทุกไซส์ ทุกสี ที่ Omotesando Hill
Tokyo | view 158,885 |
![]() |
จะซื้อรองเท้าผ้าใบต้องมาที่นี่ รวม 5 ร้านรองเท้าเด็ดๆ ที่ชิบูย่า
Tokyo | view 130,776 |