หลังจากถอดใจจากทะเลสาบ Saiko ในตอนที่แล้ว เรายังมุ่งหน้าไปเก็บภาพความงามของทะเลสาบที่เหลือกับภูเขาไฟฟูจิกันไปต่อกันที่ทะเลสาบ Motosuko กันค่ะ
ทะเลสาบ Motosuko ถือเป็นสมบัติอย่างหนึ่งและเป็นส่วนประกอบของภูเขาไฟฟูจิ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม (ขึ้นทะเบียนเมื่อเดือนมิถุนายน ปีเฮเซที่ 25) เช่นเดียวกับทะเลสาบ Yamanakako ที่เราไปเที่ยวมาในตอนที่ 1 เป็นทะเลสาบที่มีน้ำใสมาก และมีความลึกมากที่สุดในบรรดาทะเลสาบฟูจิทั้ง 5 แห่ง จึงเป็นแหล่งที่มีกิจกรรมทางน้ำ และกีฬาทางน้ำมากมาย รวมทั้งเป็นพื้นที่ตั้งแคมป์ที่ได้รับความนิยม
ในปี ค.ศ. 1935 ช่างภาพชาวญี่ปุ่นชื่อ โอะคะดะ โคโย ผู้ที่เฝ้าติดตามถ่ายภาพฟูเขาไฟฟูจิมาตลอด ได้ไปถ่ายรูปจากบริเวณสันเขา Nakanokuradoge ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลสาบแห่งนี้และผลงานภาพที่เขาถ่ายมาได้คือ “ซะกุระ ฟุจิ” หรือภาพภูเขาไฟฟูจิกลับหัวที่สะท้อนลงบนผิวน้ำในทะเลสาบ Motosuko ต่อมาภาพดังกล่าวได้รับการตั้งชื่อว่า “โคะฮัน โนะ ฮะรุ” และได้นำภาพนี้ไปใช้เป็นแบบภาพที่พิมพ์ลงในธนบัตรฉบับ 5,000 เยนในปี ค.ศ. 1984 และธนบัตรฉบับ 1,000 เยน ในปี ค.ศ. 2004
มุมนี้แหละค่ะ มุมธนบัตร 1,000 เยน ที่ทุกคนดั้นด้นมาเก็บภาพ แต่เราโชคยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังมีเมฆก้อนใหญ่บดบังยอดภูเขาไฟฟูจิไว้ เข้าใจเลยว่า การจะได้ภาพของคุณฟูจิซัง ที่สดใส สง่างาม มันต้องใช้ความอดทน และรอคอยแค่ไหน
ลองเปรียบเทียบกับภาพด้านหลังธนบัตร 1,000 เยน ดูสักหน่อย ไม่เหมือนก็ใกล้เคียงแหละเนอะ
ที่ทะเลสาบ Motosuko นี้ เราไม่ได้ลงไปเก็บภาพด้านล่างริมทะเลสาบเพราะมุมที่เราเลือกไปไม่มีทางลงไปค่ะ ถ้าเพื่อนๆมีเวลา ลองขับรถวนรอบทะเลสาบ หามุมอื่นๆลงไปสัมผัสริมสะเลสาบ ก็น่าจะสดชื่นดีนะคะ
เราไปต่อกันที่ทะเลสาบ Shojiko เป็นทะเลสาบที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 ของภูเขาไฟฟูจิ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างทะเลสาบ Motosuko กับทะเลสาบ Saiko โดยหลักฐานทางทางธรณีวิทยาพบว่า ในอดีตทะเลสาบทั้งสามแห่งนี้เคยเป็นทะเลสาบเดียวกันมาก่อน ก่อนที่ในปี ค.ศ. 864-868 เกิดการปะทุขึ้นของภูเขาไฟฟูจิและลาวาไหลลงมาแยกทะเลสาบออกเป็นสามแห่งเช่นที่เห็นในปัจจุบัน แต่ยังมีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่า ทะเลสาบทั้งสามแห่งนี้ยังเหลือทางน้ำใต้ดินเชื่อมกันอยู่ เรียกว่าตัดกันไม่ขาดจริงๆ
ถึงจะมีขนาดเล็ก แต่บรรยากาศดี ไม่น้อยหน้าทะเลสาบอื่นๆเลยนะคะ มุมกว้างๆ มองเห็นทั้งทะเลสาบ และภูเขาไฟฟูจิที่แม้ยังคงมีเมฆบดบังบ้างแต่ก็ยังสง่างาม
พื้นน้ำสีฟ้าสดใส กับเรือที่จอดไว้รอให้ใครสักคน นำลงไปพายในทะเลสาบ ซึ่งไม่ใช่ #travelholic แน่นอนค่ะ เพราะเราเป็นผู้หญิงยิงเรือ ไม่ใช่ผู้ชายจะได้ไปพายเรือ ... ตึ่งโป๊ะ!
แสงแดดอุ่นๆ ช่วยให้อากาศเย็นๆในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อบอุ่นขึ้นมาได้เยอะเลย เจ้าแมวขี้เกียจตัวนี้คงกำลังหลับสบาย ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนตลอดเวลาที่เราเดินเก็บภาพประทับใจริมทะเลสาบเลยค่ะ
ทางระหว่างทะเลสาบ Motosuko และทะเลสาบ Shojiko ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบความตื่นเต้นท้าทาย เราจะไปสัมผัสความเย็นในระดับติดลบ กันที่ถ้ำ Fugaku wind และถ้ำ Narusawa Ice Cave
ถ้ำลม( Fugaku Wind Cave) ในอดีตถ้ำแห่งนี้ถูกใช้เป็นโกดังธรรมชาติคล้ายตู้เย็น เนื่องจากมีอุณหภูมิคงที่ 0 องศาเซลเซียสตลอดปี ภายในถ้ำมีการตกแต่งให้มีชั้นวางของ กล่องไม้โอ๊ค และที่สำหรับเก็บรังไหม มีทางเดินสะดวกมากกว่าถ้ำน้ำแข็ง
ถ้ำน้ำแข็ง(Narusawa Ice Cave) เป็นถ้ำที่มีอุณหภูมิตต่ำกว่าจุดเยือกแข็งแม้อยู่ในฤดูร้อน ซึ่งในช่วงต้นปี 1900 เคยนำมาใช้เป็นสถานที่จัดเก็บน้ำแข็งให้มีใช้ตลอดทั้งปี ภายในถ้ำมีทางเดินเป็นวงกลมไม่ลึกมากนัก แต่เพดานต่ำบางจุดแทบจะต้องคลานเข่า และบันไดหินที่ลื่นมาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดิน
จากความยากในการเดินของถ้ำทั้ง 2 แห่ง #travelholic เลยไม่ได้เก็บภาพด้านในมาฝาก เพื่อนๆ ท่านใดมีโอกาส อย่าลืมแวะไปสัมผัสความเย็นด้วยตัวเองนะคะ
ภาพและเรื่องโดย #travelholic