รีวิวสุดโรแมนติก! ล่องเรือชมดอกไม้ไฟในชุดยูกาตะ แบบ Exclusive

6,945

ฤดูใบไม้ผลิมีซากุระ ฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหนาวมีหิมะ ส่วนฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นนอกจากความร้อนอันแผดเผาแล้ว ก็ยังมีดอกไม้ไฟให้ดูอีกด้วยค่ะ!

ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี ที่ประเทศญี่ปุ่นจะมีการจัดเทศกาลดอกไม้ไฟขึ้นหลายแห่งทั่วประเทศ หลายๆ คนอาจจะเคยได้เห็นมาบ้างในซีรีย์หรืออนิเมะญี่ปุ่นที่พระนางใส่ยูกาตะไปดูดอกไม้ไฟ เป็นโมเม้นท์ที่หนุ่มๆ สาวๆ ชาวญี่ปุ่นเค้าตั้งตารอกันเลยค่ะ

การใส่ยูกาตะไปชมดอกไม้ไฟกับคนที่เรารักหรือเพื่อนๆ เนี่ยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้ชมดอกไม้ไฟสวยงามตระการตาแล้ว ยังได้ใช้เวลาพูดคุยพัฒนาความสัมพันธ์ แถมยังได้ใส่ชุดยูกาตะสวยๆ อีกด้วยนะเออ เห็นแบบนี้แล้ว นักท่องเที่ยวอย่างเราก็อยากจะไปสัมผัสประสบการณ์แบบนี้บ้าง แต่ทำยังไงถึงจะมียูกาตะใส่ แล้วไหนจะต้องหาข้อมูลเรื่องเทศกาลและสถานที่ แถมยังต้องไปจองที่นั่งอีก แล้วที่นั่งตรงไหนมันเห็นชัดเนี่ย ถ้าเราพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ ที่จะได้ไปดูดอกไม้ไฟฟินๆ เหมือนพระนางในซีรีย์ ดังนั้นมีมี่ขอแนะนำตัวช่วยสำหรับชาวต่างชาติที่มีมี่ใช้ค่ะ คือบริการของ Voyagin เป็นเว็บไซต์บริการแพกเกจกิจกรรมสำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งเค้าก็มีแพกเกจชมดอกไม้ไฟในจุดต่างๆ ของโตเกียวด้วยค่ะ โดยในแพกเกจจะมีบริการจองที่นั่งพิเศษให้ เรียกว่าเราไปถึงแล้ว ได้ที่นั่ง VIP เลย ไม่ต้องนั่งขาแข็งจองที่แข่งกับคนญี่ปุ่นเป็นชั่วโมงๆ ก็ได้ดูดอกไม้ไฟแบบสวยๆ เลิศไหมละคะ!

นอกจากที่นั่งพิเศษแล้ว ในแพคเกจเค้ายังมียูกาตะให้ด้วยนะคะ ไม่ได้ให้ยืมนะ ให้ไปเลย ฟรีค่ะ!! แบบครบเซตทั้งยูกาตะ โอบิ (สายคาด) และรองเท้า โดยเค้าจะส่งไปให้ที่โรงแรมเราพร้อมคู่มือการใส่เป็นภาพพร้อมคำอธิบายภาษาไทย ดังนั้นใส่ไม่เป็นก็ไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ ส่วนใครที่ไม่ได้พักที่โรงแรม สามารถติดต่อรับได้ที่ออฟฟิศของ Voyagin ที่ชิบุย่า ตามลิงค์นี้เลยค่ะ

แต่สำหรับวันนี้ มีมี่ขอมารีวิวแพกเกจที่โรแมนติกหวานแหวว Exclusive  ไฮคลาสขึ้นไปอีก! นั่นก็คือ แพกเกจพิเศษชมดอกไม้ไฟบนเรือ Dinner Cruise ค่ะ นอกจากจะพิเศษสุดๆ มีที่นั่งส่วนตัวแล้ว ยังเห็นดอกไม้ไฟชัดแจ๋ว มุมดี ฟ้าเปิดโล่ง สวยจนบรรยายไม่ถูกเลยค่ะ ซึ่งแน่นอนว่าแพกเกจนี้ ก็เป็นแพกเกจสำหรับชาวต่างชาติ คู่มือ ตั๋ว คำอธิบาย มีเป็นภาษาอังกฤษพร้อมสรรพ ไม่มีหลงแน่นอน ไปดูกันเลยค่ะ

1

แพกเกจที่มีมี่จองนั้น เป็นสำหรับดินเนอร์บนเรือ 2 ท่าน จึงมาพร้อมตั๋วสำหรับขึ้นเรือ 2 ท่าน ยูกาตะของผู้หญิง 1 เซท ของผู้ชายอีก 1 เซตค่ะ ซึ่งจะมียูกาตะ โอบิ (สายคาด) และคู่มือวิธีใส่ให้เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษ (เราสามารถบอกได้ค่ะว่าต้องการเป็นภาษาอะไร) ของผู้หญิงจะมีรองเท้าให้ด้วยนะคะ แต่มีแค่ไซส์เดียวคือ 23 เซนติเมตร หรือเบอร์ 37-38 เท่านั้น หากใครเท้าใหญ่กว่านี้ อาจต้องเตรียมรองเท้าแตะไปเองนะคะ (มีมี่ก็เป็นสาวไซส์ยักษ์เท้าโต ไม่สามารถใส่รองเท้าที่เค้าให้มาได้ เสียดายมาก น้ำตาจะไหลลลล)

2

หลังจากใส่ยูกาตะเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมพร้อมเดินทางไปที่ท่าเรือได้เลยค่ะ ซึ่งท่าเรือที่จะต้องไปก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละทริปนะคะ แต่ที่เหมือนกันคือเราจะไม่หลงค่ะ เพราะเอกสารที่เค้าให้มาพร้อมตั๋ว บอกวิธีเดินทาง ชื่อสถานี ประตูที่ต้องออก รวมถึงให้แผนที่มาพร้อมกับตารางเวลาด้วยว่า ต้องถึงกี่โมง แล้วบนเรือมีกิจกรรมอะไรบ้าง รายละเอียดทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ดังนั้นเราจะไม่พลาดอะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเรือ เค้ามีเขียนกำกับอธิบายไว้บนเอกสารหมดแล้วค่า

3สำหรับวันนี้ มีมี่เดินทางไปที่ท่าเรือ Edogawa ค่ะ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานที Ichinoe บนสาย Toei Shinjuku จากสถานีใช้เวลาเดินแค่ 3 นาทีเท่านั้นเอง

4

↑เดินไปตามทางนี้เลย~

หลังจากมาถึงแล้ว ก็เอาตั๋วที่เราได้มายื่นให้พนักงานเลยค่ะ แล้วเค้าจะพาเราไปขึ้นเรือพร้อมยื่นแผนผังที่นั่งเรือให้ เราก็เดินไปนั่งตรงชื่อเราเลยค่ะ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด

6

7

เรือที่มีมี่ขึ้นวันนี้นั้นเป็นเรือสไตล์ญี่ปุ่นขนาดไม่ใหญ่ ตบแต่งด้วยเสื่อตาตามิและโต๊ะเตี้ยภายใน มีโคมแดงห้อยด้านนอก สวยงามแบบญี่ปุ่นคลาสสิคมากๆ เข้ากับยูกาตะที่ใส่แบบสุดๆ เลยค่ะ โดยภายในเรือตรงส่วนของทาตามิ ต้องถอดรองเท้านะคะ พนักงานจะให้ถุงพลาสติกเรามาใส่รองเท้า แล้วถือเข้าไปวางใต้โต๊ะนะคะ

9 10

เรืออาจจะดูไม่ใหญ่มาก แต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะเลยค่ะ ที่นั่งเป็นแบบโต๊ะ 6 คน  แชร์กันนั่งกับคนอื่นนะคะ พอมาถึงที่โต๊ะแล้วก็มีอาหารวางไว้รอเราอยู่แล้วค่ะ ละลานตาสวยงามมาก อาหารชุดสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นซีฟู้ดเกือบหมดเลยค่ะ มีสลัดปลาหมึก ไข่ตุ๋นกุ้ง ปลาดิบซาชิมิ ปลานึ่ง และเครื่องเคียงต่างๆ

11 12

มาถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะเริ่มสงสัย เฮ้ย นี่เราจ่ายเงินมากินอาหารเย็นชืดแบบนี้เหรอวะ เปล่าค่า เค้าไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ตรงกลางเค้ามีจานเทมปุระวางไว้ให้ เมื่อเริ่มออกเดินทางแล้วเค้าถึงจะเริ่มทอดเทมปุระ สดๆ ใหม่ๆ แล้วเอามาวางให้ทาน นอกจากเทมปุระที่คอยมาเสิร์ฟเป็นระยะๆ ตลอดมื้อแล้ว ก็ยังมีข้าวอบซีฟู้ดและซุปสาหร่ายปิดท้ายมื้ออาหารให้อีกด้วยค่ะ เรียกว่าใครกลัวไม่อิ่มไม่ต้องกลัวนะคะ เทมปุระนี่เติมเรื่อยๆ เลยค่ะ

13

14

สำหรับเครื่องดื่มนั้น เป็นแบบบริการตนเอง สามารถลุกไปหยิบ ไปสั่งน้ำตามความต้องการได้เลยค่ะ เค้าจะมีโซนเครื่องดื่มเอาไว้ให้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือเบียร์ เครื่องดื่มยอดนิยมในงานเลี้ยงของชาวญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากเรานั่งลงที่โต๊ะปุ๊บพนักงานจะทำการเสิร์ฟเบียร์ให้เราทันทีโต๊ะละขวด ส่วนสำหรับท่านที่ไม่ชอบเบียร์ ก็ยังมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ เช่น วิสกี้ สาเก เหล้าบ๊วย รวมไปถึงเครื่องดื่มทั่วไป เช่นชาเขียว โค้ก หรือน้ำส้ม ก็มีให้บริการไม่อั้นค่ะ

16

17

↑ห้องน้ำมีถึง 4 ห้อง และแบ่งชายหญิงด้วยค่ะ สะอาดตามมาตราฐานญี่ปุ่น แม้ห้องจะเล็กไปหน่อย ตรงโซนห้องน้ำมีสลิปเปอร์ให้ด้วยนะคะ

เรือเริ่มออกเดินทางตอน 16.30 โดยจุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ 34th Koto Fireworks Festival ที่ Arakawa Sunamachi Mizube Park ค่ะ โดยเทศกาลดอกไม้ไฟ Koto ในครั้งนี้มีดอกไม้ไฟถึง 4,000 ลูกเลยทีเดียวค่ะ กำหนดการเริ่มยิงดอกไม้ไฟนั้นคือเวลา 19.40 น. ระหว่างนั้นเราก็นั่งทานอาหาร ในห้องแอร์เย็นๆ บรรยากาศดีๆ ชมวิวสวยๆ กันไปค่ะ  นอกจากท้องฟ้าที่เปิดกว้าง สวยงามแล้ว สองข้างทางยังมีบ้านเรือนและตึกต่างๆ ให้ดูแก้เบื่อไปด้วย

21

22

เรือแล่นผ่านดิสนีย์แลนด์ด้วยค่ะ แอบมองเห็นปราสาทซินเดอเรลล่าอยู่ไกลๆ

23

หลังจากนั่งกินอาหารและจิบเบียร์ไปได้ซักพัก เรือก็มาจอดที่กลางแม่น้ำ ตรงที่จัดเทศกาลดอกไม้ไฟ จากตรงนี้มองเห็นตึกต่างๆ ริมแม่น้ำ รวมไปถึง Skytree จากบนเรือมองเห็นคนปูเสื่อนั่งรออยู่ไกลๆ ด้วยค่ะ แต่เพราะเรานั่งเรือมา เลยไม่ต้องเบียดเสียดแย่งชิงพื้นที่กับชาวบ้าน ก็ได้ดูดอกไม้ไฟจากตำแหน่งที่ดีมากๆ เห็นฟ้าเปิดสวยสุดๆ เลยค่ะ

25

ระหว่างรอให้งานดอกไม้ไฟเริ่มเนี่ย มีมี่แอบรู้สึกพิเศษและ Exclusive มากเลยค่ะ เพราะปกติ ถ้าเราไปงานเทศกาลเอง เราต้องยืนรอ (ถ้าหาที่นั่งไม่ได้) ซุ้มอาหารก็คนเยอะ กว่าจะได้กินรอคิวนานมาก แถมถ้าอยากได้ที่นั่งวิวดีๆ ต้องแหกตามาแต่เช้า กว่าจะได้ดูดอกไม้ไฟนี่หน้าโทรม เหงื่อท่วม สภาพดูไม่ได้ ไร้ความสุขสุดๆ แต่มาครั้งนี้เรานั่งจิบน้ำเย็นๆ ในห้องแอร์ชมวิว ไม่ต้องเบียดกับใคร บรรยากาศดี โรแมนติกสุดๆ แถมยังเห็นดอกไม้ไฟชัดกว่าใครเพื่อน ฟินมากกกก

26

พอใกล้ถึงเวลาแล้ว พนักงานก็จะมาเชิญแขกทุกท่านขึ้นไปบน Deck หรือดาดฟ้าเรือ เพื่อชมดอกไม้ไฟกัน โดยข้างบนนี้ห้ามรับประทานอาหารใดๆ นะคะ แต่สามารถนำเครื่องดื่มใส่แก้วพลาสติกขึ้นมาดื่มกันได้คนละแก้ว แล้วก็เอาเบาะที่นั่งของตัวเองจากด้านในเรือขึ้นมาได้ด้วยค่ะ เหตุผลที่เค้าบอกให้ถือเบาะนั่งขึ้นมาด้วยก็เพราะว่า พอถึงช่วยจุดดอกไม้ไฟ เค้าจะขอให้ทุกคนนั่งลงค่ะ เพื่อไม่เป็นการบังซึ่งกันและกันนะคะ จะได้ดูดอกไม้ไฟสวยๆ กันทุกคน

27

หลังจากนั่งรอไปซักพักก็มาถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยค่ะ ดอกไม้ไฟกว่า 4,000 ลูก ถูกจุดตามธีมต่างๆ 3 ธีมด้วยกัน รวมๆ แล้วใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 50 นาทีค่ะ จากบนเรือเราสามารถเห็นดอกไม้ไฟได้ทุกดอก ทุกอณู ไม่โดนบังแม้แต่นิดเดียว สวยมากๆ เป็นประสบการณ์ที่มีมี่ไม่มีวันลืมเลย ไม่เคยเห็นดอกไม้ไฟใกล้และชัดขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ

31

เพราะเราอยู่กลางแม่น้ำ เลยได้เห็นดอกไม้ไฟโดยมีตัวเมืองเป็นพื้นหลัง วิวแบบนี้ ถ้าดูจากบนฝั่งหาไม่ได้แน่นอนค่ะ สวยแบบหาดูที่ไหนไม่ได้เลยจริงๆ ค่ะ แถมยังโรแมนติกมากด้วย มีมี่สังเกตว่าคนส่วนใหญ่ที่มาวันนี้มากันเป็นคู่นะคะ หวานฟรุ้งฟริ้งกันทั้งเรือหลังจากจบเทศกาลดอกไม้ไฟแล้ว เราก็จะนั่งเรือกลับไปที่ท่าเรือเดิมนะคะ ซึ่งหลังจากอิ่มๆ สุด กับอาหารที่มาเติมให้เรื่อยๆ แล้ว เค้าก็ยังมีถั่วแระญี่ปุ่นและผลไม้ให้รับประทาน ระหว่างทางกลับด้วยค่ะ

32 33

ทริปนี้สุขสบายทั้งขาไปและขากลับเลยค่ะ  เพราะขากลับก็ไม่ต้องเบียดคนขึ้นรถไฟที่สถานีที่คนจะเยอะมากๆ หลังดอกไม้ไฟจบด้วย ทริปนี้สบายมาก ไม่ต้องลงแรงใดๆ แถมยังได้ดูวิวสวยๆ แล้วได้ยูกาตะกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึกอีกต่างหาก เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่มีมี่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองสัมผัสกันนะคะ

สำหรับเทศกาลดอกไม้ไฟหน้าร้อนปีนี้ก็ทยอยจัดเกือบครบทุกงานแล้ว ใครที่ไม่ทันดินเนอร์ครูซงานดอกไม้ไฟ แต่อยากลองสัมผัสประสบการณ์ล่องเรือชมวิวกลางคืนในมหานครโตเกียวแบบนี้ ทาง Voyagin ยังมีแพคเกจดินเนอร์ครูซที่โตเกียวเบย์พร้อมบุฟเฟ่ต์อาหารและเครื่องดื่ม สนใจคลิกดูรายละเอียดได้ที่นี่เลยค่ะโดยวิธีการใช้เว็บไซต์บนมือถือสามารถดูโดยคลิกที่นี่ และสำหรับ PC คลิกที่นี่ ค่ะ

160816


admin-natsu (1)