รวมสถาปัตยกรรมเด็ด 7 ที่ใน Tokyo ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด

Tokyo มหานครถือเป็นเมืองที่มีงานสถาปัตยกรรมที่งดงามทันสมัยเป็นอันดับต้นๆของโลก วันนี้เราจะพาคุณไปดูกันว่าถ้าจะวางแผนเที่ยวดูอาคารที่ออกแบบได้เจ๋งฝุดๆ จะมีที่ไหนอยู่ในลิสต์บ้าง

ที่แรกเราเราจะพาคุณไปที่เกาะ Odaiba ก่อน เกาะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม มีช็อปปิ้ง arcade พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เจ๋งๆ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ Tokyo Big Sight ศูนย์การประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติรูปร่างประหลาดแต่ก็มีเอกลักษณ์เป็นที่สุด ที่นี่จะมีงานจัดแสดงตลอดทั้งปีแต่ที่เป็น event ใหญ่ๆประจำปีได้แก่ Tokyo International Anime Fair และ Tokyo Motor Show การเดินทางมายัง Tokyo Big Sight ให้นั่ง Yurikamome จากสถานี Shimbashi แล้วลงที่สถานี Tokyo Big Sight Station แล้วเดินต่อจากสถานีไปตาม skywalk ได้เลย

ไปกันอย่างรวดเร็ว ที่ๆสองอยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Big Sight เท่าไหร่นั่นคือ ตึก Fuji TV ที่เป็นสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ Fuji ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่แห่งประเทศญี่ปุ่น ตัวสถาปัตยกรรมดูล้ำไปไกลโดยมีจุดเด่นที่สถาปัตยกรรมลูกบอลทรงกลมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 32 เมตรที่เป็นจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งของนักท่องเที่ยว สำหรับหอสังเกตการณ์ที่อยู่ในลูกบอลยักษ์สีเงินนั่นเปิด 10 โมงเช้าและปิด 6 โมงเย็นมีค่าเข้าชม 550 เยน การเดินทางใ ห้นั่ง Yurikamome มาลงที่สถานี Daiba แล้วเดินต่อจากสถานีไปตาม skywalk ได้เลย

สถาปัตยกรรมลำดับที่ 3 เราจะพาท่าเขยิบออกมาจาก Odaiba ตรงไปย่าน Shinjuku กัน ที่นั่นคือตึก Tokyo Metropolitan Government Building ที่นี่เป็นอาคารของคณะผู้บริหารนคร Tokyo ที่มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมวิวมากที่สุดที่หนึ่ง ด้วยลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์เพราะเป็นตึกที่มีหอคอยแฝดอยู่ในตึกเดียวกัน จึงดูแปลดตากว่าตึกอื่นๆที่เราได้เห็นผ่านตา ที่ระดับความสูง 200 เมตรเป็นที่ตั้งของจุดชมวิวบนหอคอยทั้งสองที่สามารถมองเห็นไปไกลถึงฟูจิซังได้ในวันที่อากาศปลอดโปร่งด้วย สำหรับการเดินทางให้ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Oedo แล้วลงที่สถานี Tocho-mae ที่อยู่ชั้นใต้ดินของอาคาร เวลาเปิดปิดของทั้งสอง tower ที่เป็นจุดชมวิวไม่เหมือนกัน ทางด้าน North Tower เปิดเก้าโมงครึ่งปิดห้าทุ่มขณะที่ South Tower เปิด เก้าโมงครึ่งและปิดห้าโมงครึ่งในตอนเย็น

ดูกันมาสามตึกแล้วคราวนี้เราลองไปดูหอคอยกันบ้าง ที่ Tokyo มีหอคอนอยู่สองแห่ง แห่งแรกคือ Tokyo Tower แต่ว่ามันเก่าไปแล้ว มาถึงที่นี่วันนี้นาทีนี้ต้องเป็น Tokyo Skytree เท่านั้น Tokyo Skytree มีความสูงเป็นอันดับสองของโลก สูงถึง 634 เมตร สร้างขึ้นเพื่อกระจายสัญญาณ Digital TV เปิดทำการครั้งแรกในเดือนพฤษภาคมปี 2012 นอกจากจะเป็นหอกระจายสัญญาณแล้ว ภายในยังมีช็อปปิ้งมอลล์ ร้านอาหาร ท้องฟ้าจำลองและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำด้วย ที่นี่มีหอสังเกตการณ์สองชั้น ชั้นแรกชื่อว่า Tembo Deck ที่ความสูง 350 เมตรและชั้นที่สอง ชื่อว่า Tembo Gallery ความสูง 450 เมตร มีพื้นกระจกใสที่มองทะลุไปถึงพื้นความยาวถึง 110 เมตรให้ได้เดินเล่นกันเสียวๆด้วยนะ ทางเข้าของ Tokyo Skytree อยู่บนชั้นสี่ของ Tokyo Skytree Town ถ้านั่งรถไฟ Tobu สาย Isesaki ก็สามารถลงที่สถานี Skytree แล้วลงเดินได้เลย ที่นี่เปิดตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสี่ทุ่มทุกวันไม่มีวันหยุด สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีตั๋วที่เรียกว่า Skytree Fast Ticket เป็นตั๋วที่ไม่ต้องไปต่อคิวซื้อเหมือนเจ้าของประเทศโดยมีค่าขึ้นหอสังเกตการณ์ชั้นแรก 3000 เยนแต่ถ้าจะซื้อตั๋วเหมาคอมโบขึ้นไปหอสังเกตการณ์ชั้นที่สองหรือ Tembo Gallery ด้วยก็เสีย 4000 เยน ครับ

ออกจาก Skytree เรามาดูพิพิธภัณฑ์เจ๋งๆกันบ้าง ที่ๆเรากำลังจะพาท่านไปนั่นคือ Sumida Hokusai Museum เปิดให้บริการแก่สาธารณะชนในปีค.ศ. 2016 ไม่นานมานี้เอง พิพิธภัณฑ์ Sumida Hokusai เป็นที่แสดงงานของศิลปินบรมครูผู้เชี่ยวชาญด้านภาพพิมพ์จากแบบพิมพ์ไม้ของญี่ปุ่น Katsushika Hokusai มีทั้งหมด 4 ชั้น โดยชั้นที่ 1 ออกแบบให้คนเข้าในอาคารได้ทุกทิศ ขณะเดียวกันที่ด้านนอกอาคารก็ออกแบบให้มีสนามเด็กเล่นเพื่อความเป็นมิตรกับชุมชนโดยรอบ การเดินทางมาที่นี่สามารถนั่งรถไฟ JR Sobu มาลงที่สถานี Ryogoku แล้วเดินออกตรง East exit หรือนั่งรถไฟใต้ดิน Toei Oedo แล้วลงที่ สถานี Ryogoku แล้วเดินออกมาจากทางออก A3 พิพิธภัณฑ์ Sumida Hokusai เปิดเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงครึ่งตอนเย็น ปิดทุกวันจันทร์ วันหยุดนักขัตฤกษ์และวันที่ 26 ธันวาคมยาวไปจนถึงวันที่ 1 มกราคมของทุกปี โดยมีค่าเข้าชม 400 เยน

นอกจาก Sumida Hokusai Museum แล้ว เรายังมีพิพิธภัณฑ์ อีกแห่งหนึ่งซึ่งล้ำไม่แพ้กันนั่นคือ National Art Center ใน Roppongi Hills หอศิลปะแห่งนี้เปิดให้บริการแก่สาธารณะชนตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ตัวสถาปัตยกรรมมีคอนเซ็ปท์เรื่องความเคลื่อนไหวทำให้ภายในมีความยืดหยุ่นในการใช้สอยพื้นที่ขณะที่โครงสร้างด้านนอกเป็นโครงเหล็กที่ดูเป็นคลื่นโค้งงดงามและกั้นพื้นที่ภายนอกและภายในด้วยกระจกใส สำหรับการเดินทาง ให้นั่งรถไฟใต้ดินสาย Hibiya หรือสาย Oedo แล้วลงที่สถานี Roppongi ทางออกที่ 7 หรือนั่งรถไฟใต้ดินสาย Chiyoda แล้วลงที่สถานี ทางออกหมายเลข 6 National Art Center เปิดตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ไม่มีค่าเข้าชมถ้าจะเข้าไปเดินดูทั่วๆไป แต่จะมีค่าเข้าชมสำหรับบางนิทรรศการและที่นี่ปิดทุกๆวันอังคารครับ

และแล้วก็มาถึงสถาปัตยกรรมสุดท้ายที่ภาคภูมิใจเราแนะนำนั่นคือศูนย์การประชุม Tokyo International Forum ศูนย์ประชุมแห่งนี้ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นที่จัดแสดงสินค้า ศูนย์การประชุมหรือแม้แต่ concert hall ภายในอาคารออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งโดยมีหลังคาและกำแพงกระจกซึ่งใช้ทั้งหมด 2600 บานประกอบกันเพื่อใช้กันลมและฝน และความโปร่งของกระจกทำให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามาในตัวอาคาร ทำให้ภายในไม่ดูมืดทึบ ตัวอาคารมีความยาวถึง 207 เมตร มีโครงสร้างหลังคาออกแบบมาให้เหมือนกระดูกงูของเรือ การเดินทาง สามารถนั่งรถไฟสาย JR Keihin-Tohoku, JR Yamanote หรือรถไฟใต้ดินสาย Tokyo Metro Yurakucho แล้วลงที่สถานี Yurakucho หลังจากนั้นเดินเท้าใข้เวลาแค่นาทีเดียวก็ถึง ที่นี่เปิดตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงห้าทุ่มครึ่ง

สำหรับท่านที่วางแผนจะไป Tokyo ถ้ามียังไม่มีแผนการเที่ยวชมสถาปัตยกรรมเลย เราหวังว่าในเจ็ดที่นี้น่าจะเป็นอีกตัวเลือกสำหรับการเปิดโลกเทคโนโลยีการออกแบบและก่อสร้าง ไม่ว่าจะไปทั้งหมดเจ็ดที่ในทริปเดียวหรือจะค่อยๆเก็บทริปละที่สองที่ก็น่าสนใจครับ